นางสายกำกับดูแลพวกบ่าวทำความสะอาดพื้นขณะสไบทองก้าวขึ้นเรือนใหญ่ แลเห็นสไบทองนางเร่งคลานเข่าเข้ามาพนมมือ

"คุณท่านไปแล้วรึเจ้าคะ"

"จ้ะ" สไบทองเยื้องกายหมายยังประตูห้อง นางสายกลับคลานเข้าขวาง

"ป้าสายมีอะไรหรือจ๊ะ"

นางสายอิหลักอิเหลื่ออยู่ครู่ก่อนยันกายกระซิบ "มีคนอยู่ในห้องเจ้าค่ะ"

ดวงตากลมทอประหวั่นระทึกอก ห้องหับอันเป็นรโหฐานเฉพาะคุณท่าน บ่าวไพร่เข้าได้ก็แต่ป้าสายผู้มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย ไฉนมีบุคคลอื่น

นางสายเลิ่กลั่กหันมองประตู "อิฉันให้ไอ้คั่นไปเฝ้าหน้าต่าง เผื่อว่ามันจะโดดลงเรือน" กระซิบเสร็จย่อตัวสู่พื้น "ทำกระไรดีเจ้าคะ"

จะทำเยี่ยงไร ตัวเป็นหญิงจะสู้รบปรบมือกับใครได้ อกสไบทองสะทกสะท้อน กล้ำกล่าววาจา "ป้าสายเห็นแน่ฤา"

"แน่สิเจ้าคะ" นางสายยืนยัน "เห็นเต็มสองตา"

"หญิงหรือชาย..มากันกี่คน"

"หญิงเจ้าค่ะ..สามคน" นางสายตอบทันควัน "ตะละคนหน้าตาขี้ริ้วขี้เหร่ ถามอะไรไม่ยอมตอบ ท่าทางมีพิรุธ อิฉันเลยออกมาเฝ้าประตูไว้"

ยินเยี่ยงนั้นสไบทองคลายวิตก ยิ้มมองนางบ่าวประจำเรือน นางสายถามซ้ำ

"ทำกระไรดีเจ้าคะ"

"ไม่ต้องทำอะไรดอกป้าสาย" สไบทองตอบ "เราเข้าไปข้างในด้วยกันเถิด" กล่าวจบเอื้อมมือหมายบานประตู นางบ่าวยังขยับขวาง

"แต่.."

"ไม่เป็นไรดอก..เชื่อฉันสิ"

นางสายยอมหลีกทางมิคลายสีหน้าหวาด สไบทองผลักบานประตูก้าวเท้าเข้าภายในมีนางบ่าวคลานตามท่าทางไม่วางใจ

กลิ่นบุหงารำไปหอมโรยโชยอ่อนทันทีบานประตูแง้มเผย แดดเช้าทอดผ่านม่านลูกไม้นวลตา เห็นเตียงไม้หลังใหญ่สลักลายประณีตโยงมุ้งขาวสี่เสาตั้งอยู่กลางห้อง ผนังประดับกรอบรูปขนาดใหญ่ เป็นรูปเจ้าเรือนในชุดข้าราชการเต็มยศมีสไบทองครองชุดไทยพิมานงามสง่านั่งสำรวมข้างหมอนขวานขลิบทอง

สไบทองตรงไปที่เก้าอี้ปลายเตียง รวบผ้านั่งลงเหนือเก้าอี้หันมากวักมือเรียกนางสายให้เข้าใกล้

นางสายคลานถึงขาเก้าอี้ ค่อยยันกายขึ้น ทันทีโผล่พ้นพนักก็ให้ผงะ ละล่ำละลัก

"นัง นัง นัง นังคนนี้แหละเจ้าค่ะ.." แต่ต้องชะงักจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วขยับกายพิศสไบทอง พลางรำพึง "..ละม้ายอะไรเช่นนี้"

สไบทองอมยิ้ม "เหมือนอะไรจ๊ะ"

"ละม้ายคุณสไบทองราวฝาแผด"

"คนนั้นก็คล้ายป้าสาย" สไบทองกล่าว

นางสายหันมองด้วยความฉงนฉงาย "อิฉัน!"

"จ้ะ..คนที่ป้าสายเห็นก็คือตัวป้าเอง"

มิไยนางสายยังกังขาส่งยิ้มเจื่อนให้คนตรงหน้า คนผู้นั้นก็ยิ้มตอบ นางสายเบ้หน้า ต้องผงะอีกครั้งด้วยคนผู้นั้นเบ้หน้าล้อเลียน ยื่นมือออกช้าๆ ผิวคนตรงหน้ากลับแข็งกระด้าง นางสายชักนิ้วกลับกายสั่นงันงก

"หรือเป็นภูตผีปีศาจ"

"ไม่ใช่ดอกจ้ะ" สไบทองบอก "เป็นเพียงเงาสะท้อน..เขาเรียกว่าคันฉ่อง คุณพี่ให้ฉันเป็นของขวัญวันเกิด"

"เงาสะท้อนในน้ำหรือทองเหลืองขัดเงาก็ยังไม่แจ่มชัดเยี่ยงนี้..ต้องเป็นภูตผีแปลงมา" นางสายพึมพำเหลือบเงากล้าๆ กลัวๆ 

"จ้ะ..ปีศาจก็ปีศาจ ต่อไปป้าสายจะต้องนำผ้าสะอาดเช็ดปีศาจนี้เป็นประจำอย่าให้ฝุ่นเกาะ เข้าใจไหมจ๊ะ"

"อิฉัน..เอ่อ.." นางสายพิพักพิพ่วน

"หรือป้าอยากโดนคุณพี่ดุ"

"ไม่เจ้าค่ะ..ไม่เจ้าค่ะ"

"ไม่ทำฤา"

"ไม่อยากถูกดุ..ทำเจ้าค่ะ..ทำ.."

สไบทองรื่นยิ้ม "ป้าไปดูพวกบ่าวเช็ดถูเรือนเถอะจ้ะ"

นางสายคลานออกประตู สไบทองมองตาม อดนึกขำมิได้ นางบ่าวมิวายหันมองเลิ่กลั่กก่อนหับบานประตู สไบทองเบือนยิ้มหันมองเงาสะท้อนตรงหน้า วงพักตร์งามยิ้มพริ้มเพรา โค้งขนงโก่งงอนอยู่เหนือวาวตาสร้อยเศร้าสวยซึ้ง นางนิ่งมองเงาอยู่เป็นนาน นานจนพริ้มยิ้มค่อยจางหาย

กระจกเงาบานใหญ่ขนาบด้วยบานเล็กสองข้างยึดไว้ด้วยกรอบไม้สักสลักลาย สไบทองยื่นปลายนิ้วแผ่วไล้ลายสลักรูปดวงใจสองดวงสอดกระหวัดร้อยรัดหากัน ประกายตาเศร้าสร้อย

ยินเสียงแผ่วนุ่มก้องกังวาน

"งามนัก..งามราวเทพอัปสรจุติ"

"ใคร!" สไบทองตื่นภวังค์

ไร้เสียงโต้ตอบ สไบทองหันมองโดยรอบ ในห้องหามีผู้ใด..ให้สงสัยใจ หรือเธอแว่วยินไปเอง..แต่..เสียงนั่นแจ่มชัดราวอยู่ตรงหน้า..

(มีต่อ)

9 ความคิดเห็น:

  1. หนาวจนน้ำมูกไหลสวัสดิ์ขอรับท่านสาย

    เพิ่งโม้ท่านไปแหมบๆ ว่าแต่นี้คงฟ้าใสแดดสวย ที่ไหนได้..ข้าพเจ้าโดนหลอกให้ดีใจชั่ววัน กลับมาหนาวลมห่มฝนหม่นฟ้าหยั่งเก่าอีกแย้วววว

    เจ้าซำหม้อเสร็จเรียบร้อยกะว่าจะอบสมุนไพรสักสองสามวัน (ตามมีตามเกิดขะรับ เวลาน้อย สิ้นกำหนดวันที่ ๑๕)

    กว่าข้าพเจ้าจะจับมันลดน้ำหนักให้พอดีพิกัดเล่นเอาหอบ ทั้งตัดทั้งตอน จนลงพอดีเส้นยาแดงผ่า ๘ (หน้า) เรียกว่าหากแถมสักบรรทัดเป็นเลยเข้าหน้า ๙ (เงื่อนไขกำหนดไม่เกิน ๘ หน้า)

    ทุกครั้งที่รับคำแนะนำหลากมุมจากเหล่าสหายทักษะเขียนจะขยับไปข้างหน้า

    ครั้งนี้เช่นกัน เกลาเจ้าซำหม้อเสร็จรู้ได้เลย หากข้าพเจ้าเขียนอยู่คนเดียวคงต้องพายเรือวนอยู่ในอ่าง ซ้ำซากอยู่กับบกพร่องเดิมๆ แบบไม่รู้ตัว ซึ่งอันตรายต่อทักษะเขียนนัก

    ต่อแต่นี้วอนท่าน

    ยามผ่านตาตัวอักษรข้าพเจ้า ตรงไหนแปร่งใจ ที่ใดแปลกตา ขอท่านได้ทักท้วงอย่าปล่อยเลยไป คิดเสียว่าให้ทานอักขระวณิพกซอมซ่อผู้นั่งสีซอข้างทางเปลี่ยวเถิด

    คารวะ

    ป.ล. ๑ จอคงเสื่อม แก้ไม่ยากขอรับ สุดสัปดาห์ลองไปเดินด้อม ๆ มอง ๆ เจอจอชอบใจก็ซื้อใหม่สักจอ เป็นไง..ไม่ยาก..ไม่ยาก..

    ป.ล.๒ ยินดีที่เพื่อนกลับมาแล้ว (คราวนี้คงหลับฝันดี) แต่ระมัดระวังสรรพนามเธอหน่อยนะขะรับ ไม่ทราบเป็นอย่างไร ทีคำ 'เค้า' เป็นได้ทั้งสองเพศ แต่ 'เขา' มักถูกตีขลุมว่าเป็น 'เพศบุรุษ'

    ป.ล.๓ คันฉ่อง -๓- ตกหน้าแรก ฟีดคอมเม้นท์ข้าพเจ้ารึก็อืดอาด กว่าโชว์ในกล่องรอข้ามวันข้ามคืน รบกวนท่านแหมะความที่หน้าใหม่นะขะรับ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ14 มกราคม 2552 เวลา 17:54

    ย่ำสนธยาสวัสดิ์เจ้าค่ะ

    วันนี้ไปเตร็ดเตร่แถวจตุจักร เห็นไม้ดอกไม้ประดับแล้วพลอยให้ชื่นตาชื่นใจ อะไรที่มันเคยหดหู่ก็พลันชุ่มชื่นเบิกบาน ชีวิตก็เท่านี้เดินไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก หากอาการหนัก ก็แค่รักษาตัว แล้วลุกขึ้นมาก้าวเดินอีกครั้ง ไม่มีจุดหมายปลายทาง นอกจากจะหมดลมหายใจ(ดูปรัชญาไปไหม?)

    ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะไปเดินสวนฯ หรอก แค่อยากเปลี่ยนที่อ่านหนังสือเลยจะไปหลบมุมในห้องสมุดซอยพระนาง แต่ไปไงมาไงก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีเห็นตัวเองเตล็ดแต็ดแต๋อยู่ในสวนแล้ว

    เวียนไปเวียนมารอบสวนฯ อยู่สองสามรอบไม่ได้ต้นไม้มาสักต้น แต่ได้หนังสือมาสองเล่ม วรรณกรรมเยาวชนทั้งคู่ ความจริงจะซื้อมากกว่านี้ แต่หมั่นไส้คนขายไม่ค่อยมีมนุษยสัมพันธ์เท่าไหร่ เรายิ้มให้ก็ไม่ยิ้มตอบ แถมยังเมินใส่ไม่รู้เค้าเป็นอะไรของเค้า

    'กาลครั้งหนึ่ง' เป็นเรื่องราวในสมัยไหนเจ้าคะ ทำไมเขาไม่รู้จักคันฉ่องกัน อ่านเรื่องราวหรือดูละครย้อนยุคทีไรพานคิดไปว่าหากเราต้องไปอยู่ในยุคนั้นจะเป็นอย่างไรกันบ้างหนอ?

    จำไม่ได้ว่าเคยอ่านหรือฟังมาจากไหน หากสิ้นยุคพระสมณโคดม ก็จะเป็นยุคว่าง จนกว่าจะเข้ายุคพระศรีอริยเมตไตร ในยุคว่างก่อนถึงยุคพระศรีอาริย์ท่านว่าสังคมมนุษย์จะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วยุคเริ่มต้นของพระศรีอาริย์จะคล้ายกับยุคเริ่มต้นเมื่อสมัยพุทธกาลหรือเปล่านะ สงสัยจริง นี่ข้าเจ้าชวนท่านคุยเรื่องไกลตัวไปหรือเปล่า?

    แค่นี้นะท่าน เจอกันวันพรุ่ง

    ตอบลบ
  3. อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านสาย

    ตอบข้อสงกาท่านไม่ได้แม้สักข้อ เบื้องหลังนิยายไม่กี่บรรทัดไม่กี่วรรคตอน มีเรื่องราวให้ขบคิดค้นหาใช่น้อย ข้าพเจ้าเวียนเสิร์ชใคร่รู้ว่าคันฉ่องเข้าสยามประเทศแต่เมื่อใด? รูปร่างหน้าตาอย่างไรบ้าง? สูญเวลาเป็นนานไม่ได้คำตอบ ใคร่รู้ว่าการแต่งกายกุลสตรีไทยมีชื่อเรียกใดบ้าง? ยุคสมัยใด? ไม่ได้คำตอบ ตำแหน่งข้าราชการยุคสมัยต้นรัชกาลที่ ๕? ไม่ได้คำตอบ

    หอสมุดยิ่งใหญ่ที่มนุษย์ช่วยกันสรรค์สร้างหลังจากอารยกรรมกรีกถูกทำลายเพิ่งก่อรูปเป็นร่าง(โดยเฉพาะทางฝั่งสยามภาษา)ยังต้องรออีกสักพักจึงเป็นแหล่งความรู้อุดมแท้จริง (แต่แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้วขอรับ หากไม่มีเน็ต นั่งเขียนอยู่กับขนำคนเดียวเยี่ยงนี้คงได้แต่เขียนเรื่องนกกาไปวันๆ นานเข้าครั้นเบื่อก็หันมาเขียนเรื่องกานก)

    เป็นว่าตอบท่านไม่ได้สักข้อ หลังสูญเวลาค้นพักใหญ่บอกตัวเองว่าเขียนไปก่อน รอไว้จบแล้วค่อยปรับแต่งตามข้อมูลจริง

    อันที่จริงข้าพเจ้าบอกช่วงเวลาของเรื่องไปแล้วขอรับ ตรงที่ 'เรือนปั้นหยา' นั่นไง

    เรือนปั้นหยาเป็นสถาปัตกรรมบ้านไทยอิทธิพลยุโรปเข้ามายุคปลายรัชกาลที่ ๔ (นี่ก็ได้จากเสิร์ช หาได้รู้มาก่อนดอก)ผู้ที่รู้ก็จะพยักหน้าหงึก ๆ ผู้ยังไม่ทราบก็อาจสงกา ลองเสาะหาได้ความรู้เรื่องเรือนไทยแถมพก (ขืนบอกหมด จับพลัดจับผลูข้าพเจ้าเกิดดัง จะเหลืออะไรให้นักศึกษารีเสิร์ชงานล่ะทั่น อิ อิ อิ)

    ชวนคุยเรื่องพุทธกาล-ยุคพระศรีอาริย์รึ?

    อืมม์..จะลองร่ายกลบทสักเอ็นทรี่

    คารวะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ15 มกราคม 2552 เวลา 13:03

    ข้าเจ้าไม่รู้จักเรือนปั้นหยาจริงๆ นั่นแหละ คลับคล้ายคลับคลาเหมือนเคยอ่านนิยายสักเรื่องมีเรือนปั้นหยาประกอบฉากผู้เขียนมีหมายเหตุบอกลักษณะของเรือนปั้นหยา(เขาเรียกหมายเหตุป่าวนะ?)แต่ข้าเจ้าก็ไม่ใคร่สนใจอ่านแบบผ่านเลย นี่เป็นอีกข้อเสียหนึ่งที่แก้ไขไม่เคยได้สักที

    หอสมุดที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนรึทั่น?

    อินเตอร์เน็ตช่วยได้มากจริงๆ แต่หลายครั้งก็เล่นเอาปวดกบาล อยากเขกกะโหลกมันสักที ไม่รู้จะไปเขกที่ใหน สุดท้ายต้องจำใจเขกกะโหลกตัวเอง ประมาณว่า "เออ ตูโง่เองก็ได้วะ" เคยรู้สึกไหมอารมณ์แบบนี้เวลาเสิร์ชข้อมูลในเน็ต?

    เมื่อวานตอนคุยกับท่านข้าเจ้ากำลังเข้าโหมดเบลอ ไม่ได้คุยถึงปล.ขอบคุณที่ตักเตือนเรื่อง "เขา" ค่ะ ต่อไปจะระวังให้มากขึ้น ---แต่ความจริงกับเพื่อนคนนี้คงไม่ต้องระวังอะไรให้มากนักก็ได้ เพราะจะใช้เขาหรือเธอก็เข้ากับมันได้ทั้งนั้นแหละ

    เจ้าตัวเค้าสับสนในเพศของตัวเอง ทำให้คนรอบข้างพลอยสับสนไปด้วย เฮ่อ...

    เรื่องจอคอมพ์ยังร่อแร่เต็มทนเจ้าค่ะ แต่สุดสัปดาห์คงไปหาซื้อไม่ได้ เสาร์-อาทิตย์ต้องทำงานไง ถ้าจันทร์-ศุกร์ก็ว่าไปอย่าง แต่..ไม่มีตังค์ แฮ่...

    สุขสันต์วันสดใส

    ปล.จะรอเอ็นทรี่พุทธกาล-ยุคพระศรีอาริย์น้า..

    ตอบลบ
  5. ข้อมูลบนเน็ตที่เรานั่งจิ้มกันทุกวันคืนนี่ไง..ทั่นล่ะก็..

    ข้าพเจ้าไม่ได้คิดว่าผายลมเล่นวัน ๆ ดอกนะ กะลังจินตนาว่าตนมีส่วนสร้างห้องสมุดใหญ่ที่สุดของมนุษยชาติ (ว่าไปนั่ลล์)

    คารวะ

    ตอบลบ
  6. ก๊อก ก๊อก เร่งออกไปหาซื้อจอนะทั่น ใช้ทั้งอย่างนั้นประเดี๋ยวตาพัง ไม่มีตังค์เอาของเจ้าซำหม้อไปก่อนก็ได้ มันบอกว่าให้ท่านออกไปก่อน รอไว้มันเบ่งกล้ามได้มาสักรางวัลแล้วจะใช้ให้

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ15 มกราคม 2552 เวลา 22:39

    พูดอย่างงี้แสดงว่าส่งไปแล้วใช่ไหมทั่น? ใช่ไหม? ใช่ไหม?
    ดีใจด้วยเจ้าค่ะ ส่งแล้วก็โล่งอกไปเนอะ จะได้ไม่ได้ไม่ใช่สาระ
    แต่ถ้าได้ละก็.. อึ่ม...อึ่ม...อึ่ม.....อย่าลืมมาเลี้ยงนา

    ฝากขอบคุณเจ้าซำหม้อด้วยนะเจ้าคะสำหรับเมตตาจิตเรื่องจอคอมพ์ รบกวนบอกมันว่าถ้ามันดวงดีเดินทะเล่อทะล่าจนไปเตะตากรรมการเข้าล่ะก็ แค่แบกดัชมิลล์มานั่งก๊งกันสักลังนี่ก็เป็นพระคุณอย่างสูงแล้ว

    ตอบลบ
  8. ยังไม่ได้ส่งดอกเจ้าค่ะ บล็อกจุดประกายฯ เกิดติดขัดเปิดไม่ได้ตั้งแต่วันที่ ๑๔

    เช้านี้เองเห็นเป็นปกติ จะส่งเดี๋ยวนี้ล่ะเจ้าค่ะ แต่วันนี้ ๑๖
    ยังไม่ทราบทางจุดประกายฯ จะว่าไง

    คารวะ

    ตอบลบ
  9. ไม่ระบุชื่อ17 มกราคม 2552 เวลา 13:09

    แหง่ว แล้วงี้ข้าเจ้าจะได้นั่งก๊งดัชมิลล์กับซำหม้อไหมล่ะเนี่ย

    แต่ยังไงก็ สู้!สู้! นะทาเคชิซำหม้อ

    ตอบลบ