@ บางบอนซอยตำแย ตอน กล้วยปิ้งในสายฝน

สุดสัปดาห์สวัสดิ์ขอรับมวลมิ่งมิตร

ย่าหนุงเคยบอกว่าไม่อยากโพสท์บอร์ด เกรงใจว่าสหายโผล่มาทักทายแต่เจ้าตัวกลับไม่เคยโผล่ไปกระทู้ผู้ใด ด้วยเพราะหากทักทายไม่ครบคนก็เกรงที่เหลือน้อยอกน้อยใจ อย่ากระนั้นเลย ไม่ทักทุกคนดีกว่าทั่วถึงดี ครั้นไม่ทักทายหากยังโพสท์บอร์ดก็คล้ายไร้น้ำจิตน้ำใจ เอาเปรียบมวลสหายอยู่ถ่ายเดียว  คิดได้เช่นนั้นพานไม่โพสท์ไม่แหมะคอมเม้นท์ อ่านลูกเดียว (ถ่ายทอดผิดพลาดประการใด แจงแย้งได้นะขะรับท่านย่า..หากจะกรุณา)

ข้าพเจ้าเห็นคล้อยเจ็ดส่วน ด้วยวิธีคิดแบบเอาใจเขาใส่ใจเรานั้นงามนัก แต่ขยักไว้สักสามส่วน ก็เพราะหากเราคิดเห็นเช่นนั้นแล้วพากันไม่โพสท์บอร์ดดูจะอย่างไรอย่างไรอยู่

ข้าพเจ้าเคยนั่งมองสังคมเมืองผ่านผนังกระจกร้านกาแฟถ้วยแพงกว่าข้าวแกงปากซอย เห็นแต่หนุ่ม ๆ สาว ๆ แต่ตัวสวยเดินกันให้ไขว่ เป็นภาพสวยงามสบายตา มองแล้วชวนหัวใจกระชุ่มกระชวย

ผิดกับช่วงเวลาใกล้ ๆ นี้ที่นั่งตลาดนัดทุกเช้าวันอาทิตย์ มองผ่านม่านตาที่มีแต่ขี้ตาสองสามก้อน

มีหนุ่มสาวมาจับจ่ายซื้อของ บ้างมาเดี่ยวบ้างมาเป็นคู่ ยังมีหญิงชราตะกร้าสานคล้องแขนนุ่งผ้าถุงเสื้อลายเดินทักคนโน้นคนนี้ มีเด็ก ๆ ประแป้งหน้าขาวยืนมองร้านขายของเล่นตาละห้อย

แรก ๆ รู้สึกว่าภาพที่เห็นไม่ชวนเจริญตาเจริญใจเอาเสียเลย ไม่มีความสวยความงาม ริ้วรอยแก่เฒ่ายับเยิน ใบหน้ามอมแมมเพิ่งตื่นนอน ยังจะหามุมใดให้จำเริญตา

นั่งมองนานเข้าพบว่าเด็ก ๆ เติบโตขึ้น หนุ่มสาวคู่นั้นมีลูกตัวเล็ก ๆ มาด้วย ยายเริ่มใช้ไม้เท้าช่วยเดิน ทั้งหมดยังมาตลาด

ความงามค่อย ๆ เผยตัวออกมา เป็นความงามในความเป็นไปของชีวิต คิดได้เช่นนี้ ค่อยพบว่าภาพสังคมเมืองที่ข้าพเจ้าเคยคุ้น เคยชื่นชม ต้องมีอะไรบางอย่างขาดหาย อาจมีบางอย่างพิกลพิการ

แม้นไม่ได้วิ่งเข้าห้องโน้นออกห้องนี้ดังเก่าก่อน ทุกสุดสัปดาห์ข้าพเจ้ายังหวังมีงานสักชิ้นโพสท์บอร์ด

เมื่อนั่งมองสังคมเล็ก ๆ ของเรา ข้าพเจ้ายังหวังเห็นภาพความงามของชีวิต เห็นความหลากหลายของช่วงวัย ความแตกต่างของวิธีคิดเพื่อการแลกเปลี่ยน, ถ่วงดุล, สืบทอด, และเจริญเติบโต 

องค์ประกอบของชีวิตควรเป็นเช่นนี้..หรือมิใช่?

คารวะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น