การเติบโตและเปลี่ยนแปลงของนักเขียนผู้หนึ่ง

คนมักเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนไปตามสภาพแวดล้อมและระยะของอายุ ไม่เพียงแต่ อารมณ์ ความคิดความรู้สึกเปลี่ยนไป แม้กระทั่งหน้าตา รูปร่าง และส่วนสัดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

นักเขียนก็เป็นคน นักเขียนก็เปลี่ยนไป ผลงานที่นักเขียนประพันธ์ออกมาย่อมยิ่งเปลี่ยนแปลง

ในช่วงระยะของการเขียนที่ยาวนานและแสนเข็ญของนักเขียนทุกคน มีอยู่หลายช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัด

ในช่วงระยะดังกล่าว ผลงานยุคต้นจะค่อนข้างเพ้อฝันและพลุ่งพล่าน รอจนความคิดของเขาค่อย ๆ ละเอียดลออเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เมื่อจรดปากกาด้วยความระมัดระวังมากกว่าเดิม ความเพ้อฝันและความพลุ่งพล่านในยุคต้นของเขาอาจเสื่อมสูญลงทีละน้อย

ประการนี้นับเป็นหนึ่งในความเศร้าร่วมกันของนักเขียนทั้งหลาย

หากแม้นวิญญูชนที่ใจกว้างยอมรับคนที่เขียน 'นิยายกำลังภายใน' เป็นนักเขียน อย่างนั้นข้าพเจ้าคงจัดเป็นนักเขียนคนหนึ่งแล้ว

นิยายเรื่องแรกที่ข้าพเจ้าได้รับค่าน้ำหมึก เป็นนวนิยายรักชื่อ จากแดนเหนือถึงแดนใต้ นำลงในนิตยสารแสงอรุณ ซึ่งท่านโง้วไข่เฮี้ยง เป็นบรรณาธิการติดต่อกันสองฉบับ คาดว่าเป็นช่วงปีมิ่นก็กที่45 (ตรงกับปี พ.ศ.2499) ตอนนั้นจอนของท่านโง้วยังไม่หงอกขาวส่วนข้าพเจ้ามีอายุไม่ถึงยี่สิบปี

บัดนี้ท่านโง้วสู่สวรรคาลัย ส่วนข้าพเจ้าที่เป็นอนุชนรุ่นหลัง เส้นผมกลางกระหม่อมเบาบางดุจทารก น่าเสียดายสูญเสียความไร้เดียงสาของทารกแล้ว

ชั่วชีวิตท่านโง้วทุ่มเทให้กับวรรณกรรม ข้าพเจ้ามีโอกาสได้รับการสั่งสอนจากท่านไม่มากนัก แต่เมื่อเขียนถึงตอนนี้ ในใจยังบังเกิดความเสียใจและอาลัยอย่างบอกไม่ถูก

นอกจากใช้ความกล้าหาญเขียนกวีแนวใหม่ ความเรียง และเรื่องสั้นแล้ว ข้าพเจ้ายังเขียนนิยายกำลังภายในเป็นเวลายี่สิบปี ในช่วงระยะที่ไม่ถือว่ายาวนานและไม่แสนเข็ญเท่าใดนี้ สามารถแบ่งออกเป็นสามยุค

ยุคแรกข้าพเจ้าเขียน ชังเกียงซี้งเกี่ยม (เทพกระบี่โพยม) เกี่ยมตั๊กบ๊วยเฮียง(พิฆาตทรชน) โกวแชตึ้ง (ดาวเดี่ยวไม่เดียวดาย) เซียงฮุยเกี่ยม (เทพบุตรจอมสังหาร) เพียวเฮียงเกี่ยมโหว (กระบี่กระจายหอม) ซิกฮุ้นอิ่ง (สื่อสิ้นวิญญาณ...ไม่มีการแปล) อิ้วเฮียบลก (บันทึกผู้กล้าพเนจร..ไม่มีการแปล) เกี่ยแขะเห็ง (จริยะมือกระบี่...ไม่มีการแปล) ง้วยอี้แชเซี้ยะ (เพลิงอาฆาต) และชั้งกิมข่วยเง็ก (ทองชำรุดหยกบกพร่อง...ไม่มีการแปล)

ยุคกลางประกอบด้วย บู๊ลิ้มงั่วซื่อ (ราชายุทธจักร) ไต้กี้เอ็งฮ้งตึ่ง (ธวัชล้ำฟ้า...ฉบับปรับปรุงใช้ชื่อ ทิฮ้วยไต้กี้ หรือ ธวัชเลือดเหล็ก) เช้งยิ้นจี่ (ศึกศรสวาท...ฉบับปรับปรุงใช้ชื่อ น่อเกี่ยม หรือ กระบี่ดาลเดือด) อ้วงฮวยโซยเกี่ยมลก (นักสู้ผู้พิชิต...ฉบับปรับปรุงใหม่ใช้ชื่อ อ้วงฮวยโซยเกี่ยม (ล้างบุปฝาชำระกระบี่) เจาะต่อซังเกียว (ลูกปลาน้อยเซียวฮื้อยี้) ยังมีเรื่อง ทิฮวยตึ่งคี้ ซึ่งเป็นพฤติการณ์แรกเริ่มของชอลิ้วเฮียง

ต่อจากนั้นข้าพเจ้าจึงเขียนตอเช้งเกี่ยมแขะบ้อเช้งเกี่ยม (เซียวลี้ปวยตอมีดบินไม่พลาดเป้า) ค่อยเขียนชอลิ้วเฮียงชุดหลัง เขียนเล็กเซี่ยวหงส์ เขียนลิ้วแช ฮู่เตียบ เกี่ยม (ดาวตก ผีเสื้อ กระบี่) เขียนฉิกเจ็งบู๊คี่ (อาวุธเจ็ดชนิด) เขียนฮัวลักเอ็งฮ้ง (วีรบุรุษสำราญ)

ยังมีอีกเรื่องหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าเขียนในช่วงที่ปวดร้าวที่สุด ประสบอุปสรรคขวากหนามครั้งใหญ่ที่สุด คือ เทียนไง้ ง้วยเม้ง ตอ (ขอบฟ้า จันทรา ดาบ)

ทั้งนี้เพราะตอนนั้นข้าพเจ้าคิด 'แสวงหาความแปลกใหม่' และ 'แสวงหาความเปลี่ยนแปลง' ข้าพเจ้าเองไม่ทราบว่าคิดหลุดพ้นจากคนอื่นหรือหลุดพ้นจากตัวเอง แต่ข้าพเจ้าทราบว่าข้าพเจ้าหลุดพ้นจากสิ่งหนึ่ง...นั่นคือกระเป๋าเงินของข้าพเจ้าไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป ข้าพเจ้าเริ่มมี 'เงินทอง' บรรจุอยู่เต็มกระเป๋า
กระเป๋าของข้าพเจ้าเคยเกิดรูรั่ว แต่ข้าพเจ้ายังเหมือนเดิม

ข้าพเจ้าปราศจากคำตัดพ้อตำหนิใด

ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าพบว่า ตอนนั้นช่างเป็นช่วงที่ข้าพเจ้ามีพลังสร้างสรรค์ลุกโชนที่สุด จินตนาการบรรเจิดที่สุด และกล้าหาญชาญชัยที่สุด

ตอนนั้นข้าพเจ้าสามารถที่จะเขียนและกล้าที่จะเขียน โดยเฉพาะขณะที่กำลังเขียน ไต้กี่ (ธวัชใหญ่) เช้งยิ้น (คนรัก) อ้วงฮวย (ล้างบุปผา) และเจาะต่อ

ถึงแม้ว่านวนิยายเหล่านั้นไม่มีพล็อตเรื่องที่สมบูรณ์ ขาดตรรกะและความคิดที่ละเอียดถี่ถ้วน ถึงแม้ว่าเหลวไหล แต่ก็มีรสชาติอยู่บ้าง

การเขียนนวนิยายกำลังภายในในตอนนั้น นึกได้อะไรก็เขียนเช่นนั้น เขียนเพื่อสร้างพล็อตที่น่าตระหนก พื่อขมวดปมปริศนาที่ตัวเองคิดว่าผู้อื่นคาดไม่ถึง มักจงใจบิดเบือนนิสัยใจคอของตัวละครในเรื่อง ทำให้เรื่องราวหลุดพ้นจากกรอบที่วางเอาไว้

ในสภาพแวดล้อมของการเขียนในตอนนั้น ก็ไม่เปิดโอกาสให้ข้าพเจ้าได้แก้ไขหรือปรับปรุงเสริมแต่งแต่อย่างไร

ทั้งนี้เพราะในกระเป๋ามักไม่มีเงินเหลือแม้สักเซนต์เดียว เพื่อรับประทานข้าว ดื่มเหล้า โดยสารรถ คบเพื่อนหญิง ชมภาพยนตร์ พักบ้านเช่า ขอเพียงเขียนอะไรออกมาได้ ก็จะผลิตออกมาเพื่อแลกกับเงินทอง เพื่อเบิกค่าต้นฉบับล่วงหน้า กระทั่งพูดคุยยังไม่ต้องการพูดคุย

ลักษณะท่าทีของการเขียนแบบนี้ ไม่คู่ควรกับการอวดโอ่ และไม่คู่ควรกับการเอ่ยถึง แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องเอ่ยถึง เพราะนั่นเป็นความจริง

การปั่นต้นฉบับเพื่อนำเงินไปซื้อข้าวรับประทาน ถึงแม้ไม่ใช่ความเศร้าร่วมกันของนักเขียนทั้งหลาย แต่ก็เป็นความเศร้าของข้าพเจ้า

และแล้วรูรั่วในกระเป๋าของข้าพเจ้าก็ได้รับการเย็บติดเข้าหากัน คาดว่าข้าพเจ้าใช้เส้นด้ายทางความคิดเย็บติดเข้าหากัน

ขณะเดียวกันข้าพเจ้าก็พบว่า เส้นด้ายทางความคิดของข้าพเจ้าก็ขาดไปหลายเส้น เรื่องราวที่ข้าพเจ้าความจริงเข้าใจว่าแปลกใหม่พิสดาร มาบัดนี้ไม่กล้าเขียนอีกแล้ว

แต่ในเรื่องราวเก่าก่อนที่แม้แต่ข้าพเจ้ายังเห็นว่าเหลวไหลไร้สาระไปบ้าง มาบัดนี้ข้าพเจ้ายังเห็นว่าสามารถให้รสชาติที่ตื่นเต้นเร้าใจ ลิงโลดและเบิกบานใจ
ข้าพเจ้าสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการเขียนเรื่องเหล่านั้น เปลี่ยนชื่อตัวละครและชื่อเสียง เขียนออกมาใหม่ สามารถนำเหล้าเก่ามาบรรจุในขวดใหม่ได้หรือไม่?

ไม่สามารถ

การเขียนเรื่องราวที่ซ้ำ ๆ ซ้อน ๆ มีเพียงสร้างความขุ่นข้องรำคาญแก่ผู้คน ตัวเองก็รู้สึกว่าน่าเบื่อ

ดังนั้นข้พเจ้าคิดปรับปรุงแก้ไขผลงานเหล่านั้นใหม่ ตัดทอนเนื้อเรื่องและสำนวนที่รุงรังสับสน และไม่จำเป็นทิ้งไป หากยังรักษาความสนุกสนานที่มีอยู่เอาไว้ ใช้สำนวนและความคิดที่ละเอียดลึกซึ้งกว่าเดิมเขียนขึ้นมาใหม่

งานเช่นนี้เคยมีคนทำมาแล้ว

ที่ฮ่องกงมีนักเขียนที่ข้าพเจ้าให้ความเคารพยกย่องตลอดมาท่านหนึ่ง ทำการแก้ไขขัดเกลาผลงานทั้งหมดของท่าน ต่อจากนั้นนำออกเผยแพร่ใหม่

สหายน้ำมิตรและพี่น้องร่วมสาบานของข้าพเจ้า คือ เหง่ยคัง ก็นำอมตะนิยายที่เคยโด่งดังของนักเขียนอีกท่านหนึ่ง (หมายถึงเรื่อง จ๊วกซัวเกี่ยมเฮียบตึ่ง ของ โฮ้ยจูเล้าจู ซึ่งได้รับการสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง เทพยุทธ์เขาซูซัน) มาตัดแต่งเพิ่มเติม นำลงในหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่างๆ

สภาพแวดล้อมและเงื่อนไขในการทำงาน ตลอดจนความละเอียดรอบคอบและวิจารณญาณของพวกท่าน สุดที่ข้าพเจ้าจะเทียบเปรียบได้

ข้าพเจ้าเพียงแต่เขียนสิ่งละอันพันละน้อยที่ด้อยค่า แต่ตัวเองยังรักและทะนุถนอม โดยไม่คิดนำไปวิจารณ์ร่วมกับผลงานยิ่งใหญ่เหล่านั้น

ข้าพเจ้าทำเช่นนี้ทั้งไม่มีความคิด 'นำไปปะปนกับสิ่งที่มีชื่อเสียง' และไม่มีเจตนา 'เปรียบเทียบกับตำนานผู้กล้ากระบี่สมัยถังและซ้อง รวมทั้งเรื่องผู้ยิ่งใหญ่แห่งเขาเหลียงซาน' ประการนี้ข้าพเจ้าต้องขออภัยต่อวิญญูชนท่านหนึ่งซึ่งเคยวิพากย์คนเขียนนิยายกำลังภายในผ่านทางหนังสือพิมพ์ตงก๊กซี้ป้อ และขอความเห็นใจด้วย

ข้าพเจ้ากระทำเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการเพิ่มความบันเทิงเริงรมย์แก่นักอ่านทุกท่าน หากแม้ว่าผลจากการเพิ่มความบันเทิงเริงรมย์แก่นักอ่านทุกท่าน ยังได้รับกำลังใจเพิ่มเติม ก็ยิ่งดีกว่าเดิม

นวนิยายส่วนใหญ่ที่ข้าพเจ้าเขียน สามารถยกระดับขึ้นจากหนังสือเล่มเล็ก ๆ ที่หมุนเวียนอยู่ในร้านเช่าหนังสือ จนเป็นรูปเล่มที่จัดพิมพ์อย่างประณีต และสามารถประดับอยู่ในตู้สมุด ในจำนวนนี้มีเพียงส่วนน้อยที่มีข้อยกเว้น ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าทราบว่า นักอ่านที่อ่านฉบับเล็ก ๆ ค่อนข้างน้อยกว่าคนที่ได้อ่านมีไม่มากนัก

ดังนั้นข้าพเจ้าคิดเก็บรักษาผลงานหลายเรื่องนั้นเอาไว้เป็นต้นแบบในการแก้ไขปรับปรุงใหม่ แน่นอนผลงานหลายเรื่องนั้นก็มีคุณค่าควรแก่การเก็บรักษาตามสมควร

เรื่อง ทิฮวยไต้กี้ (ธวัชเลือดเหล็ก) นี้ ก็เป็นหนึ่งในจำนวนนั้น

                                                                     โก้วเล้ง 
                                          25 มี.ค. มิ่นก๊กปี68 (พ.ศ.2522)
                                                                  วิกาลดึกสงัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น