1
ทิวเขาคลอฟากฝั่งคล้ายลอยเคลื่อนเลื่อนไหลไปอย่างต่อเนื่อง ทอดตามองแต่หาได้เห็น สายลมเย็นโบยตีจนต้องซุกตัวหลบในซอกพนักเก้าอี้ตัวหน้า กลิ่นบุหรี่เผามวนหวนคลุ้งอยู่ตลอดเวลา
อาจเพราะอากาศเย็นจัดรวมกับพิษของควันบุหรี่ อาการภูมิแพ้จึงก่อผลที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เริ่มปวดในกรามทั้งสองข้าง จากเล็กน้อยเมื่อแรก แล้วทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว จากกรามเพิ่มเป็นปวดในโพรงจมูก ปวดเข้าในสมอง รุนแรงจนคิดถึงยาระงับปวด แต่ในย่ามข้าพเจ้ามีแต่ยาหม่องกับยาสมานแผล
บ่ายแก่ไร้เงาแดด เสียงคลื่นน้ำคร่ำครางลั่นอยู่ในหู ลมยะเยือกพัดอู้ 
ริมฝีปากแห้งแตกเป็นแผ่น สูดลมหายใจผ่านความเจ็บปวดของโพรงจมูกอย่างลำบากยากเย็น จนต้องหืดลมหายใจทางปาก
ข้าพเจ้าเดินทางมาถึงตำแหน่งเวลาที่สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางลงทุกที
กวาดตามองผู้โดยสารหลายชีวิตร่วมลำเรืออย่างเลื่อนลอย
2
เรือออกจากท่าปากเบงมานานแล้ว กฎอีกข้อหนึ่งของการเดินทางก็คือ ให้ความเคารพผู้เป็นเจ้าของสถานที่ ใช่เฉพาะตัวตน หากยังหมายรวมถึงวิถีชีวิต วิธีคิด การนำความคุ้นเคยตามวิถีตนซึ่งแตกต่างไปจากเจ้าของสถานที่มาใช้หรือเปรียบเทียบเป็นสิ่งพึงหลีกเลี่ยง 
เมื่อรอนแรมเข้ามาในดินแดนที่เวลาเป็นเพียงประมาณกาล ความรับรู้เกี่ยวกับเวลาเป็นคล้ายวงกลมวงใหญ่ที่เส้นรอบวงอาจจะบีบเข้าหรือขยายออกสลับไปมามิอาจกำหนดแน่นอน ข้าพเจ้าไม่เคยเหลือบดูตัวเลขนาฬิการู้เพียงว่าหมายกำหนดการเรือจะออกตอนเช้า และช่วงที่ออกเดินทางคงเป็นใกล้เที่ยง
บังเอิญเดินลงท่าทันได้ร่ำลาครอบครัวชาวเรือที่นำนักเดินทางร่วมร้อยชีวิตหลบเกาะแก่งลำโขงใช้เวลาหก-เจ็ดชั่วโมงจากบ้านห้วยทรายถึงปากเบง
ข้าพเจ้าไหว้ลาพ่อของขอกับจอยและสัมผัสมืออำลาคนทั้งสอง ยืนมองเรือของพวกเขาถอยลำออกจากท่า จากนั้นจึงจับจองที่นั่งในเรือลำใหม่สำหรับอีกหกถึงเจ็ดชั่วโมงข้างหน้า
ยังคงเลือกทำเลเดิมคือทางขึ้นลงตรงส่วนหน้าของเรือนั่นเอง
คนอื่น ๆ คงคิดไม่ต่าง พวกที่นั่งเหยียดขาหากันจึงเป็นหน้าเดิม ๆ แทบทั้งหมด โดยเฉพาะคุณยายเรอเน่ เรียกได้ว่าแกนั่งที่เดิมเลยทีเดียว 
เรือทุกลำมีที่นั่งไม้แบบประกอบขึ้นง่าย ๆ มีที่นั่งหุ้มเบาะเพียงแถวสองแถวตรงส่วนหน้าถัดเก้าอี้นายท้าย  
ตั้งแต่ช่วงเรือลำแรกที่นั่งตรงนี้ถูกจับจองโดยโฮมไกด์สาวชาวลาวผู้ซึ่งกำลังนำสองสามี-ภรรยาจากเมืองเลสเตอร์(Leicester)ประเทศอังกฤษเดินทางอะราวด์ลาว (ออกเสียง เลสเตอร์ ตามคำบอกของคอลลินผู้สามี)
IMG_5495 โฮมพูดไทยชัดเจน คุยกับโฮมเผลอลืมคิดว่าคุยกับคนอีสาน อีกทั้งบุคลิกปราดเปรียวสนิทคนง่าย จึงแทบไม่รู้ตัวว่าเริ่มทักทายพูดคุยกันเมื่อไร รู้อีกทีเราพูดจาหยอกล้อราวคบหากันมาข้ามปี
เที่ยวนี้เป็นทริปใหญ่ครั้งแรกในชีวิตไกด์ของโฮม
เดินทางเข้าไทยไปรับสองสามี-ภรรยาที่สุวรรณภูมิ เที่ยวชมกรุงเทพฯโดยมีไกด์ไทยดูแล จากนั้นขึ้นเชียงใหม่ เชียงราย แล้วมาลงเรือเชียงของ-หลวงพระบาง และจะไปต่อจนสุดลาวใต้
คอลลินกับภรรยาทำกิจการรับออกแบบ-พิมพ์ตราสินค้าโดยใช้บ้านเป็นทั้งออฟฟิศและโรงงานเล็ก ๆ ของครอบครัว ทุกปีจะออกเดินทางหนีหิมะในช่วงคริสต์มาสถือเป็นช่วงพักผ่อนประจำปี
สองสามี-ภรรยาคุยกันน้อย โดยมากต่างคนเงียบมองทิวทัศน์
สองสาวเช็คฯ กำลังนั่งอ่านหนังสือ สองสาวสแกนฯบัณฑิตใหม่นั่งสเก็ตภาพจากกล้องผลัดส่งภาพไปมาพากันหัวเราะคิกIMG_5503
สามเกลอมอเตอร์ไซค์นั่งอัดบุหรี่มวนแล้วมวนเล่า ช่วงเรือลำแรกนายอ้วนใหญ่ลุกขึ้นไปดูดบุหรี่ที่ท้ายเรือบ่อย แต่เที่ยวนี้คงเพราะต่างพบความจริงว่าจำนวนคนดูดบุหรี่มีไม่น้อย เมื่อพวกผู้หญิงงัดบุหรี่ขึ้นมาพ่นควันฉุย นายอ้วนใหญ่ก็เลยไม่ต้องรักษามรรยาท นาวาลำนี้กลายเป็นเรือกลไฟไปโดยปริยาย
คุณยายเรอเน่วางหนังสือบนตักนั่งคุยอยู่กับหนุ่มอเมริกัน
พวกเราเหมือนนั่งอยู่ในโรงละครเคลื่อนที่ โดยมีทัศนียภาพป่าเขา ไร่ข้าวโพด แนวเกาะแก่งโขดหินสันทรายริมน้ำเป็นฉาก มีวิถีชีวิตผู้คนพื้นถิ่นสองฝั่งน้ำเป็นอุปรากรใหญ่เคลื่อนไหวไปมา
หลายครั้งที่ผู้แสดงได้เข้ามีส่วนร่วมอยู่ในแถวผู้ชมของโรงละครแห่งนี้ จนภาพขัดแย้งของการผสมกลมกลืนระหว่างตะวันตกกับตะวันออกเปล่งสีสันหลากอารมณ์
IMG_5446
เพินประคองทารกน้อยไว้กับอก ภรรยาที่เพิ่งคลอดเมื่อวานตามมาไม่ห่างตัว ทั้งสองกำลังเดินทางกลับหมู่บ้าน ทันทีที่เพินนั่งลงหนูน้อยก็กลายเป็นดาราขวัญใจช่างภาพ เหนือหาดทรายชายน้ำ  จำนวนเพื่อนบ้านที่มาคอยรับดูราวยกกันมาทั้งหมู่บ้าน ทันทีที่เพินก้าวลงบนหาดก็รุมรับขวัญสมาชิกใหม่กันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เด็กเล็ก ๆ พากันวิ่งตามขบวน..baby  รอยยิ้มของเพินใสซื่อไม่ต่างทารกน้อยในอ้อมอก
จำปาหนุ่มนักศึกษาวิทยาลัยพละปีสุดท้ายนั่งฟุบหลับกับซอกแขน กำลังเดินทางไปวิทยาลัยในเวียงจันทน์สานต่อความฝันจะกลับมาเป็นครูพละที่โรงเรียนบ้านเกิด
ที่นั่งถัดจากจำปาเป็นชาวถิ่นชายหญิงสามสี่คนพูดภาษาไทยไม่ค่อยได้ ฟังความว่าย้ายที่ทำงานจะไปรับจ้างเป็นคนงานโรงเลื่อย ไปทั้งยังไม่รู้ว่าจะได้ค่าจ้างเท่าไร พวกเขาขนข้าวสารอาหารแห้งใส่กระสอบขึ้นมาวางเต็มช่องทาง พื่นที่เราใช้เหยียดขากลายเป็นแออัดจนแต่ละคนต้องนั่งงอเข่าพับขาขยับกายแทบไม่ได้ 
ยังมีคุณแม่ลูกอ่อนผูกอู่ทารกน้อยไว้กับอก หอบลูกชายหญิงวัยไล่เรียงสามขวบสี่ขวบห้าขวบอีกสามคนขึ้นมา นำความโกลาหลให้พวกเราต้องตาค้าง ทั้งฉี่ ทั้งอาเจียน ประเดี๋ยวคนโน้นปวด ประเดี๋ยวคนนี้ปวด จะไปห้องน้ำข้างหลังทีต้องยกขบวนให้อลม่านที่สุดก็ฉี่กันข้างกราบเรือนั่นเอง
3
กลิ่นบุหรี่หึ่งไปทั่ว
ข้าพเจ้าเหลียวมองในลำเรือด้วยสิ้นหวัง ไม่รู้จะไปหลบอยู่ตรงไหน ยามนี้พวกฝรั่งเกินครึ่งนั่งพ่นควันบุหรี่เหมือนไม่มีอะไรจะทำ บางคนนั่งอ่านหนังสือพลางมือคอยป้อนบุหรี่เข้าปาก บางคนนั่งพ่นควันปล่อยสายตาออกไปทอดท่องตามเนินเขาชายน้ำ 
ทางท้ายเรือเป็นที่รวมของพวกดูดบุหรี่ ด้านหน้าก็แออัดยัดเยียดจนไม่อาจขยับตัว แม้แต่คอลลินแขกของโฮมก็ดูดบุหรี่ 
ข้าพเจ้าทอดอาลัย ไม่น่าเชื่อว่าอยู่ในเรือที่กำลังแล่นแท้ กลับไม่มีที่ให้หลบควันบุหรี่
คิดไปว่ารอสักครู่แรงลมคงพัดควันจางหาย หรือไม่พวกเขาก็คงหยุดเมื่อหมดมวน จากนั้นอาการคงจะดีขึ้น
การณ์กลับไม่เป็นเช่นนั้น ดูเหมือนพวกเขาจะกลายร่างเป็นปีศาจนิโคตินเบ้าตากลวงโบ๋ มีควันดำพวยพุ่งเข้าโพรงจมูกบี้แบนลึกเข้าในกะโหลก แล้วพ่นผ่านซอกฟันแหว่งวิ่นเต็มด้วยคราบเกรอะกรังอย่างไม่มีวันหมดสิ้น
อีกเพราะด้านหน้าของเรือเป็นบานกระจก ไม่มีประตูเปิดให้อากาศพัดผ่านเข้ามา ลมภายนอกจึงผ่านแต่ด้านข้างเกิดอากาศนิ่งขึ้นบริเวณด้านหน้าที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ ซ้ำเป็นอากาศผสมควันนิโคตินเข้มข้น
ยามนี้ความเจ็บปวดในโพรงจมูกรุนแรงลามถึงขมับทั้งสองข้าง ต้องเอามือกดไว้ ข้าพเจ้ายื่นหน้าออกจากตัวเรือ อ้าปากรับลมที่พัดผ่าน แต่ลมเย็นจัดเหมือนจะยิ่งทวีความเจ็บปวดในสมอง เสื้อสามชั้นดูเหมือนไม่เพียงพอรักษาความอบอุ่นให้ร่างกาย สูดหายใจได้ไม่เต็มปอด 
คล้ายร่างกายกำลังคัดค้านการหายใจเข้า
ดวงตาข้าพเจ้าพร่าเลือน
ในช่วงเวลาล่วงเข้าดินแดนที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเอง ใจประหวัดถึงความตาย หรือเพราะข้าพเจ้าพาตัวเองเข้ามาอยู่ในอุณหภูมิที่ร่างกายไม่อาจทานทน พอดีถูกรมด้วยควันบุหรี่อาการภูมิแพ้ในระดับที่ไม่เคยเป็นมาก่อนจึงแสดงออก อีกหลายชั่วโมงกว่าเรือจะถึงหลวงพระบาง หากอาการกำเริบขึ้นจนสุดวิสัย คิดถึงภาพปลายทางของอาการภูมิแพ้ที่รุนแรงคือร่างกายหยุดทำงาน..หรือข้าพเจ้าเดินทางมาถึงปลายทางแล้ว..  
หากโชคดีประคองสังขารไปถึงหลวงพระบาง ถึงตอนนั้นยังจะพอมีสัมปชัญญะช่วยเหลือตัวเองหรือไม่
ความวิตกกังวลไม่อาจรบกวนจิตใจมากไปกว่านี้ เพราะสมองหยุดทำงานเสียแล้ว
สัตว์ร้ายที่กัดแทะเยื่อสมองอยู่ตอนนี้ก็คือความเจ็บปวดระดับซึ่งเข้าใจได้ว่าความตายจากทนพิษบาดแผลไม่ไหวเป็นอย่างไร...บางครั้งความตายอาจไม่ใช่อะไรอื่น นอกไปจากปฏิกริยาของร่างกายที่หวังช่วยให้เราหยุดความเจ็บปวด       
ข้าพเจ้าห่อตัว หายใจทางปาก กวาดตามองไปทั่วลำเรือแล้วยื่นหน้าพิงเสาเก๋งพยายามเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าในร่างกายเท่าทำได้ ความเจ็บปวดทวีขึ้นจนสมองแทบระเบิด
4
แว่วเสียงจากด้านข้าง
"เป็นอะไรหรือเปล่า?"
ข้าพเจ้าเบือนหน้าไปอย่างเชื่องช้า ขยับริมฝีปากที่ไม่อาจหุบลงให้สนิท บอกเล่าสภาพที่เป็นอยู่ ดวงตาพร่าเลือนไม่อาจจำแนกแยกแยะภาพตรงหน้า เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา ไยข้าพเจ้าไม่เคยเห็นเธอมาก่อน
เล่ายังไม่จบความ ข้าพเจ้าสูดอากาศเคล้าควันบุหรี่ในตัวเรือไม่ได้ ต้องหันยื่นหน้าออกภายนอก เธอลุกหายไปสักครู่ กลับมาพร้อมน้ำอุ่นในถ้วยกาแฟยื่นตรงหน้า
"ขอบคุณครับ"
ข้าพเจ้ารับไว้ ค่อย ๆ จิบ ไอร้อนช่วยให้ริมฝีปากแห้งผากคืนชื่นชุ่ม เธอรอจนข้าพเจ้าดื่มน้ำอุ่นหมดแก้ว
"เอาอีกมั้ย?"
"ไม่ครับ..ขอบคุณ" คิดจะช่วยตัวเอง
"เอาถุงนอนห่มสิ" เธอบอก
ข้าพเจ้าจึงคิดขึ้นได้ว่ายังมีถุงนอนที่พกสะพายไหล่ จึงคลี่ออกมาห่อตัวโผล่แต่จมูกกับปาก เธอมองสภาพข้าพเจ้าแล้วยิ้ม หยิบแก้วเดินไปที่ท้ายเรือ สักพักกลับมาพร้อมน้ำอุ่นอีกแก้ว น้ำหมดแก้วสอง อาการเจ็บในโพรงจมูกค่อยทุเลา แล้วเลือนหายไปช้า ๆ
ข้าพเจ้านั่งห่อตัวอยู่อย่างนั้นจนร่างกายคืนปกติ
5
โรงละครเคลื่อนที่ยังคงลอยเลื่อนเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอ หลากชีวิตผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนขึ้นลง หลายชีวิตยังคงนั่งประจำที่ดวงตาจ้องไปข้างหน้ารอคอยเวลาถึงจุดหมายปลายทาง 
จนแสงบนเวทีเริ่มหรี่ลงรำไร เรือจึงเคลื่อนเข้าเขตอาคารบ้านเรือน 'หลวงพระบาง' ดินแดนประจุบันสมัยที่ยังอวลกลิ่นอายอดีตกาลปรากฎอยู่ตรงหน้า
ตำนานสร้างเมืองเก่า ๆ มักบอกว่ามีเทวดา ไม่ก็ฤาษีทรงฤทธิ์มานิรมิตเมือง ข้าพเจ้าไม่เคยอ่านตำนานประวัติสร้างเมืองหลวงพระบาง แต่หากให้เดาคงมีเทพยดามาประจงสรรค์สร้างและปกปักรักษา เพราะยินว่าวิถีชีวิตผู้คนกับความเป็นเมืองเก่ายังอยู่ยงมาจวบทุกวันนี้
ที่คิดเช่นนั้น หาใช่เพราะข้าพเจ้าสังกัดลัทธิบูชาองค์เทพ บวงสรวงรุกขเทวดา หรือสับสนยกเอาตำนานปรำปรามากล่าวอ้างเสียเป็นจริงจัง
เพียงบางครั้งข้าพเจ้าก็เชื่อว่า 'นางฟ้า' มีจริง ? ●
IMG_5497 IMG_5500 IMG_5499
IMG_5501 IMG_5505