บทนำ
กลางป่าลึก
เสียงกลองหลายร้อยใบดังลั่นป่าเป็นจังหวะพร้อมเพรียง
“ตึง! ตึง! ตึง!ตึง!”
ดังมาจากเนินภูเขาไฟที่ดับสนิท ตลอดแนวลาดเนิน เหล่าทหารองครักษ์ยืนเรียงแถว ร่างกายกำยำท่อนบนเปลือยเปล่า พื้นถนนปูด้วยแผ่นศิลา ขนาบด้วยสระน้ำใหญ่ ผิวน้ำกระเพื่อมทุกครั้งที่เสียงกลองกระหน่ำ บันไดนาคราชหลายร้อยขั้นเชื่อมต่อ ‘โลกมนุษย์’ สู่ ‘โลกสวรรค์’ มองขึ้นไปสุดบันไดเป็น ‘โคปุระ’ มหึมา สูงสง่าทรงอำนาจ
มีเพียงมหากษัตริย์ผู้อยู่เหนือคนทั้งปวงในอาณาจักรยิ่งใหญ่แห่งนี้ เหล่าพราหมณ์และองครักษ์ชั้นสูงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ แก้วผลึกใส ๑๕ ชิ้น ถูกจัดวางตรงกึ่งกลางประตูมหาโคปุระทั้ง ๑๕ บาน
เสียงพราหมณ์สวดมหามนตราดังก้องไปทั้งปรางค์ใหญ่ เบื้องบูรพาทิศ ดวงสุริยะกำลังเคลื่อนขึ้นจากขอบฟ้า ณ ศูนย์กลางโคปุระซึ่งเปรียบประดุจใจกลางจักรวาลมีแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ตั้งบนฐานโยนี
ดวงสุริยะเคลื่อนเข้าสู่บานประตู
มหาราชาขยับพระวรกาย ทรงหยิบอัญมณีใสบริสุทธิขึ้นมาวางบนแท่งหินศักดิ์สิทธิ์ แล้วทรงก้าวประทับประจำที่
เสียงสวดมหามนตราดังก้อง
แสงสว่างจากดวงสุริยะพุ่งผ่านแก้วผลึกที่ประตูบานแรก กลายเป็นลำแสงพลังงานสูงผ่านแก้วผลึกชิ้นต่อ ๆ ไป จนถึง ‘มหามณี’ ลำแสงพลังงานเข้าหมุนวนใน ‘มหามณี’ เปล่งประกายสีรุ้งเจิดจ้า เบื้องหน้ามหาราชาปรากฏระนาบใสมีภาพสถานที่ต่าง ๆ เห็นแท่งหินตั้งเรียงเป็นวงกลม เห็นศิลารูปทรงปิรามิดใหญ่ เห็นมหาปราสาทหิน เห็นสถานที่ประหลาดแปลกตามากมายเคลื่อนสลับอย่างรวดเร็ว
มหาราชาทรงเลือกสถานที่หนึ่ง ทรงใช้พระหัตถ์สัมผัสภาพเบื้องหน้า สายรุ้งพุ่งออกจากมหาอัญมณีเข้าสู่องค์มหาราชา พระวรกายค่อย ๆ เลือน
ทันใด เหล่าองครักษ์ผู้จงรักภัคดีถูกสังหารลงพร้อมกัน มหาอัญมณีถูกคนผู้หนึ่งคว้าไปจากแท่งหินศักดิ์สิทธิ์
ภาพเบื้องหน้าเริ่มเลือน มหาราชาผินพระพักตร์กลับมาด้วยแววตาแตกตื่น
“เจ้า! เจ้า! ข้าจะกลับมา...ฆ่ า...เ จ้ า !”
พระสุรเสียงเลือนหายไปในมิติที่ว่างเปล่า ห่างไกลออกไปหลายร้อยปีแสง..
1
ปัจจุบัน
ป่าดงใหญ่ เทือกพนมดงรัก
บริเวณรอยต่อพรมแดน ไทย - กัมพูชา
มีนาคม ๒๕๔๙
ผืนป่าอุดมสมบูรณ์เป็นเนินเขาสลับทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดตา ดวงอาทิตย์ยามเช้าดูราวผลส้มสุกสว่างอยู่หลังม่านเมฆ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงพลของทหารลำหนึ่งโผล่ขึ้นตรงขอบฟ้า เสียงนักบินตะโกนแข่งเสียงโรเตอร์
“อีกหนึ่งนาทีถึงที่หมาย เตรียมตัวครับหัวหน้า!”
เขาพยักหน้ารับทราบ ก้มมองลงไปเบื้องล่าง จี๊ปแรงก์เลอร์กำลังแล่นไปบนทุ่งหญ้าชายป่า
ห่างออกไป ๔-๕ กิโลเมตร เป็นแคมป์ไซต์ในเขตป่าทึบ เสียงโทรศัพท์เชื่อมสัญญาณผ่านดาวเทียมดังขึ้น มืออวบอูมคว้าโทรศัพท์ทันที
“สวัสดีครับท่าน”
“ผู้พัน”
“ครับ!”
“คุณก็รู้ดีว่าผมกำลังพบภาวะวิกฤติ”
“ครับผม”
บนเฮลิคอปเตอร์ เสียงนักบินตะโกน “ถึงที่หมาย โชคดีครับหัวหน้า” ชูนิ้วโป้งมือขวา เขายิ้มยกนิ้วโป้งตอบ ขยับกระชับหน้ากากกันลม สูดหายใจลึกเต็มปอดพุ่งตัวลงไปยังความเวิ้งว้างเบื้องล่าง
เสียงคุยผ่านโทรศัพท์ในแคมป์ไซต์
“คราวนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายของเอสเอสเอ หากล้มเหลวอีก ผมจำเป็นต้องทบทวนโปรเจ็ค”
“ครับผม”
เหนือท้องฟ้า มีร่างลอยละลิ่วลงมาอย่างรวดเร็ว สายลมยะเยือกยามเช้าปะทะใบหน้าจนผิวเนื้อสั่นระริก เสียงเฮลิคอปเตอร์ห่างออกไป
ภายในเต้นท์ เสียงจากต้นสายออกคำสั่ง “รายงานความคืบหน้า!”
“ได้ของมาแล้ว” เขาตอบทันที “แต่เป็นครึ่งเดียวเรากำลังรอนัดหมายครั้งใหม่ มันพยายามต่อรองราคา”
ขณะลอยลิ่วลง เขากางแขนบังคับทิศทางตรงไปยังรถจี๊ป
“เท่าไหร่ไม่อั้น!” เสียงต้นทางแทรกขึ้นมาอย่างมีอารมณ์ “ ไม่มีเวลาแล้ว!”
“ครับผม!”
แวริโอมิเตอร์บอกระยะความสูงที่ต้องการเขากระตุกร่ม สายร่มกระชากนิดหน่อยตอนจังหวะตัวร่มกางออกเต็มที่ รถจี๊ปแล่นไปทิศทางเดียวกัน คนขับในชุดลายพรางเงยหน้าชูนิ้วโป้ง เขายิ้ม
“ผมสั่งป่าไม้ส่งคนไปให้คุณ มือดีที่สุด ชำนาญพื้นที่ป่าแถบนั้น คงกำลังออนเดอะเวย์”
“ขอบคุณครับ”
เขาบังคับร่มร่อนลงเป็นเส้นตรงตามทิศทางลม จิ๊ปเคลื่อนอยู่หน้าด้วยความเร็วพอ ๆ กัน เขาปลดร่มทันทีที่เท้าสัมผัสเบาะข้างคนขับ
“สวัสดีครับหัวหน้า” คนขับตะเบ๊ะ
“สวัสดีพลทหาร อากาศกำลังดีนะ” เขาตบไหล่คนขับ “ยินดีได้พบกันอีก”
เสียงจากต้นสายสั่งย้ำ “ใช้ความชำนาญของเขาให้เกิดประโยชน์ที่สุด ทั้งต่อตัวคุณเอง ต่อผม และประเทศชาติ”
“ครับผม”
“อย่าลืม คุณมีเดธไลน์ เมื่อถึงเวลาทุกอย่างต้องเสร็จสมบูรณ์”
“ครับผม”
“แล้วติดต่อผมเป็นระยะ ขอให้คุณโชคดี สวัสดี”
“ขอบคุณครับท่าน”
เขาวางโทรศัพท์ผ่อนลมหายใจจากปาก..ตึงเครียดเข้าทุกที สถานการณ์การเมืองของท่านนายกฯ พลอยทำให้เขาเข้าที่คับขับไปด้วย ครั้งนี้เป็นความหวังสุดท้าย เขาเชื่อมั่นมาตลอดเวลาเกือบ ๖ ปี ว่าเอสเอสเอจะเปลี่ยนโลกเข้าสู่ยุคใหม่ ใครจะไปคาดคิด ท่านนายกฯ ต้องมาเจอวิกฤติเช่นนี้ เขาอุตส่าห์ทุ่มเทจนเกือบจะสำเร็จอยู่มะลอมมะล่อ จะต้องสะดุดเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องหรือนี่ ขุดอีกแค่ฟุตเดียวก็จะเจอทองอยู่แล้ว แต่นักขุดทองหมดแรงเสียก่อน หรือตัวเขาจะต้องมาเป็นเสียเอง
เสียงจากนอกเต้นท์ดังขัดจังหวะ
“หัวหน้าคนใหม่ ขออนุญาตเข้ารายงานตัวครับท่าน”
“เชิญ!”
ชายหนุ่มก้าวเข้าในเต้นท์บัญชาการ แดดเช้าสว่างจ้าทอดผ่านช่องประตูทำให้ร่างใหญ่กำยำในชุดคอมแบ็ตเป็นเงามืด เห็นแต่ตัวอักษรพาร์คเรนเจอร์บนอกเสื้อและรอยยิ้มยิงฟันขาว ก้าวพ้นช่องประตูเต้นท์เข้ามาหยุดยืนหน้าโต๊ะทำงาน ผู้พันจึงพบว่าเขาอ่อนวัยกว่าที่คิด คนที่ทำงานใน*สัตว์ป่าและพันธุ์พืชกว่าเลื่อนขั้นเป็นระดับหัวหน้ามักอายุเลยเลขสาม คนที่ยืนยิ้มอยู่หน้าโต๊ะทำงานเขาตอนนี้อย่างมากคงยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด เจ้านี่ต้องเป็นเด็กเส้นแน่ ๆ เขาคิด
“คุณถึงเร็วกว่าเอกสารแนะนำตัวเสียอีก นี่ล่ะนะประเทศนี้ ไปไม่ถึงไหนเสียที”
พอดีเสียงเครื่องแฟกซ์ร้องขึ้น เขานั่งมองกระดาษเคลื่อนออกมา เอื้อมมือดึง แล้วอ่านคร่าว ๆ
“อ้อ..อ้อ..เอ๊ะ คุณประจำอยู่ที่ไหนนะ?”
“อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์-สิมิลันครับ”
“พวกเขาส่งชาวเลมาลุยป่าหรือนี่!”
“ครับ”
ผู้พันขมวดคิ้วอ่านข้อความ..รับราชการมา ๖ ปี ชอบทำงานคนเดียว.. “เป็นหัวหน้าคนได้อย่างไร ชอบทำงานคนเดียว” ผู้พันพึมพำ.
“คุณรู้เรื่องเอสเอสเอแค่ใหน?”
“ล้มเหลวสิบห้าครั้งภายในหกปี”
“อ้อ...รู้ละเอียดดีนี่” ผู้พันอ่านข้อความในเอกสารต่อ “เคยเป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน นั่นน่ะที่ โคราช”
“ใช่ครับ”
“ท่านฯ ย้ำคนของป่าไม้ไปแล้วว่าเราต้องการคนที่ชำนาญพื้นที่ป่าแถบนี้”
“ก็ไม่เชิงครับ”
“คุณหมายความว่าอย่างไรก็ไม่เชิง?”
“ผมเข้าใจว่าท่านนายกฯ ระบุป่าชายแดนกัมพูชา”
“ฮ้า! ท่านนายกฯ จะให้ค้นหาเข้าไปในเขตเขมรรึ?”
“เกรงว่าเป็นเช่นนั้นครับ คำสั่งระบุว่าหากเอสเอสเอค้นหาทั่วป่าในเขตไทยแล้วไม่พบจำเป็นต้องค้นหาเลยเข้าไปในเขตกัมพูชา” เขาพูดเสียงค่อย “โดยไม่ให้ฝ่ายโน้นรู้”
เสียงวิทยุติดต่อภายในร้องขึ้น ผู้พันเอื้อมหยิบ
“ว่าไง?” นิ่งฟังต้นสายสักครู่ “โอนสายมา สแกนสัญญาณด้วย” เขาเอนหลังพิงพนัก “ผู้พันพูด” เขานิ่งฟังเสียงฝั่งโน้น
“โอเค”
“โอเค”
“โอเค”
“ได้!” ผู้พันพยักหน้า ขยับตัวเหยียดหลัง “โรงแรมอังกอร์เป็นไงคนเยอะดี” เขาเงียบฟังฝั่งโน้น “ได้ ตกลงตามนี้” ผู้พันรีบกดปุ่มสลับสัญญาณ “ว่าไง? ได้ที่อยู่มั้ย? บ้าฉิบ!” เขากระแทกวิทยุติดต่อ ฉุกคิดอะไรบางอย่างรีบคว้าวิทยุขึ้นพูดกรอกลงไป “เตรียมกำลังชุดใหญ่อาวุธครบ ชุดเล็กปะปนเป็นพนักงานโรงแรมสถานที่นัดหมายล็อบบีเล้าจ์ โรงแรมอังกอร์ ทุ่มตรง”
เขาวางวิทยุลง ประสานมือ เท้าศอกลงบนโต๊ะ
“เดี๋ยวก็รู้” เขายิ้ม “คุณไปพักผ่อนก่อน มาเจอผมที่นี่สามโมงเย็น คืนนี้เราจะไปพักรีสอร์ทกันให้ฉ่ำอุรา คุณไม่ต้องทำอะไร คอยดูผมอย่างเดียว”
หมายเหตุ :
โปรเจคเอสเอสเอ [Super Power Search Agent] [TOP SECRET]
จัดตั้ง : นายกรัฐมนตรี
เป้าหมาย : ค้นหาแหล่งพลังงานใหม่
ระยะเวลา : ไม่ระบุ
งบประมาณ : งบลับกระทรวงกลาโหม
ผู้ปฏิบัติงาน : ลับสุดยอด
(ข้อมูลจากแฟ้มลับสำนักนายกรัฐมนตรี)
ข้อมูลจากแฟ้มนักข่าวผู้ใช้นามแฝงคอห่าน
โปรเจคเอสเอสเอ [Super Power Search Agent]
เป็นโครงการที่ตั้งขึ้นโดยนายกรัฐมนตรี เพื่อค้นหาแหล่งพลังงานทดแทน ไว้รองรับปัญหาขาดแคลนน้ำมันในอนาคตอันใกล้ เพื่อตัดขั้นตอนทางราชการที่ซับซ้อน เชื่องช้า (และผลประโยชน์ในอนาคต) องค์กรจึงถูกตั้งขึ้นโดยไม่ผ่านรัฐสภา ไม่มีกฎหมายคุ้มครอง รับคำสั่งตรงจากนายกรัฐมนตรี เบิกใช้งบประมาณผ่านงบลับทางการทหาร เพราะฉะนั้น ผู้ปฏิบัติการ, เอกสาร, การติดต่อ, ฯลฯ ทุกอย่างจึงเป็นความลับระดับ ‘สุดยอด’ เพื่อป้องกันฝ่ายค้านได้ข้อมูลไปโจมตี (ในกรณีแผนงานล้มเหลว)
แต่หากสำเร็จ เป็นที่แน่นอนว่ารัฐบาล จะได้รับความนิยมจากประชาชน ครองเสียงข้างมากในสภาต่อไปและอาจถึงขยายอำนาจทางการเงินออกไปทั่งโลก อันเป็นความฝันยิ่งใหญ่ของนายกรัฐมนตรี เม็ดเงินมหาศาลจึงถูกใช้ไปไม่อั้นสำหรับโครงการนี้--ผู้เขียน
*กรมสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
2
อีกฟากของป่า ชายหนุ่มในชุดลายพรางวางโทรศัพท์ลงบนอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมรุ่นล่าติดตั้งระบบป้องกันดักจับสัญญาณ เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“เตรียมตัว คืนนี้สองทุ่มตรง”
3
โรงแรมอังกอร์จังเกิลรีสอร์ทแอนด์สปาเป็นรีสอร์ทห้าดาวแห่งเดียวที่ซ่อนตัวอยู่ในผืนป่าแถบนี้ สร้างเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอมโบราณบนเนื้อที่กว่า ๑๐๐ ไร่ ประกอบด้วยปรางค์ปราสาทหินใหญ่น้อยเชื่อมต่อกันด้วยซุ้มระเบียงล้อมปรางค์ประธานสูงใหญ่ซึ่งใช้เป็นส่วนต้อนรับ เสียงเครื่องสายบรรเลงแผ่วเบา แสงไฟประดับยามค่ำคืนยิ่งเพิ่มบรรยากาศขลึมขลังเหมือนอยู่ในดินแดนแห่งเทพ
เพื่อป้องกันการรบกวนจากคนภายนอก รีสอร์ทดำเนินธุรกิจผ่านเมมเบอร์ชิพราคาแพง รับเฉพาะมหาเศรษฐีที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ไม่มีการขายห้องพักผ่านเอเย่นต์หรือเว็บไซต์ อัตราส่วนการบริการต่อผู้เข้าพักอยู่ที่ ๑๐ ต่อ ๑ หมายถึงบริกร ๑๐ คน จะดูแลผู้เข้าพัก ๑ คนโดยไม่แสดงตัวให้พบเห็นหากไม่เรียกหา บริการทุกอย่างถูกจัดไว้ล่วงหน้าเป็นกิจวัตร
ผู้เข้าพักทุกคนได้รับบริการประดุจองค์เทพ มีเหล่าพนักงานในชุดนางอัปสรคอยดูแลเอาใจใส่ ทั่วบริเวณมีเสียงดนตรีโบราณแว่วอยู่ตลอดเวลา ประดุจกลับไปอยู่ในวันเวลาแห่งความยิ่งใหญ่ของชนเผ่าขอมโบราณ
กิจกรรมกลางแจ้งและไนท์ซาฟารีทำให้นักท่องเทียวไม่เคยรู้สึกเบื่อหน่าย สถานที่แห่งนี้จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับไฮเอ็นท์อย่างรวดเร็ว ตลอด ๓ ปีที่เปิดดำเนินการ รีสอร์ตแห่งนี้ถูกจัดไว้ในเวิร์ดท็อปเท็นรีสอร์ตที่น่าพักที่สุดในโลกติดต่อกันทุกปี
เป็นที่รู้กันในวงการโรงแรมว่าลงทุนสร้างโดยนักธุรกิจโรงแรมตระกูลใหญ่ แล้วว่าจ้างทีมงานไฮแอ็ทบริหาร แต่ความเป็นจริงเงินทุนสนับสนุนหลักมาจากเอสเอสเอเพื่อใช้รีสอร์ตแห่งนี้เป็นฐานปฏิบัติการ อำพรางการติดตามของสื่อและฝ่ายค้าน ท่านนายกฯ แวะพักที่นี่ทุกครั้งที่จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรหรือแวะดูงานในพื้นที่ เพื่อติดตามการทำงานของเอสเอสเออย่างใกล้ชิด ท่านมักเอ่ยกับผู้พัน “ผมเป็นนักลงทุน ผมจึงต้องติดตามว่าเงินทุนของผมเดินทางไปถึงไหนแล้ว”
รถจิ๊ปซาฮาราสีแดงสะท้อนแสงไฟเป็นมันวาวเลี้ยวเข้าจอดบริเวณหน้าล็อบบี ชายในชุดลำลองสวมทับด้วยแจ็คเก็ตเนื้อดีสีเข้มสามคนก้าวออกมา เดินตรงไปยังล็อบบีเลาจ์
คนเดินนำร่างเตี้ยลงพุงนิดหน่อย ผมบาง ข้าง ๆ เป็นชายหนุ่ม สูงใหญ่ ผมสั้นสกินเฮด คิ้วเข้ม แววตาขี้เล่น คนเดินตามหลังหิ้วกระเป๋าเอกสารใบเขื่อง ทั้งหมดนั่งลงที่ล็อบบี้เลาจ์สั่งเครื่องดื่มกับพนักงานนางอัปสรสวยบาดใจ
“ของผมเหมือนเดิม” ผู้พันบอก หันไปถามชายหนุ่มที่นั่งยิงฟันขาวส่งยิ้มให้พนักงานอัปสร “ของคุณอะไรดี?”
“ผมขอแจ็คออนเดอร์ร็อก ขอบคุณครับ” เขาขยิบตาให้นางอัปสร เธอยิ้มแล้วเดินจากไป
“คราวที่แล้ว ผมต้องตามหาคนรู้ภาษาขอมโบราณมาแปลให้ ถึงได้รู้ว่ามันให้มาครึ่งเดียว คราวนี้มันเรียกซะ ๕๐ ล้าน แสบจริง ๆ คนป่าบ้าอะไร มีบัญชีสวิสฯ” ผู้พันพูดขณะส่ายสายตามองไปรอบๆ ล็อบบี
“เขาคงอยากให้ผู้พันนำของชิ้นแรกไปวิเคราะห์ เมื่อรู้ว่าเป็นของแท้แน่แล้วจึงค่อยตกลงราคาจริง”
“คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเรอะ?”
“ครับ ผมเช็ครายละเอียดก่อนเริ่มงานเสมอ”
“มีอะไรบ้างที่คุณไม่รู้?”
“นั่นล่ะครับ ที่ผมไม่รู้”
ผู้พันหลิ่วตามองผู้ช่วยคนใหม่ที่ส่งตรงมาจากป่าไม้ตามคำสั่งท่านนายกฯ ชายหนุ่มยิ้มฟันขาว ยกแก้วเครื่องดื่มขึ้น
“เชียร์ส ครับท่าน”
เวลานัดหมายผ่านไปแล้ว ผู้พันเริ่มหงุดหงิด “มันจะเอาไงของมันวะเนี่ย”
พนักงานอัปสรนำถาดเงินโบราณสะท้อนเงาวาววางบนโต๊ะ “มีคนฝากข้อความถึงท่านค่ะ”
ผู้พันหยิบแผ่นกระดาษใบเล็กขึ้นมาอ่าน ‘สั่งลูกน้องของคุณข้างนอก ออกไปให้พ้นรัศมีหนึ่งกิโลเมตร’
“ซวยล่ะสิ มันพบพวกข้างนอกเข้าแล้ว” ผู้พันบ่นแล้วกดสัญญาณวิทยุ
“ถอยออกจากที่ตั้งให้หมด....ไม่ต้องถาม!” เขาพูดน้ำเสียงตะคอกแต่พยายามทำสีหน้าเป็นปกติ
พนักงานสาวคนเดิมนำถาดมาวางอีกครั้ง
ผู้พันอ่านข้อความแล้วถอดอุปกรณ์วิทยุสื่อสารวางบนถาดพร้อมธนบัตรใบละพัน พนักงานสาวไหว้ขอบคุณอย่างอ่อนช้อยสวยงาม หันมายิ้มให้ชายหนุ่ม เขายิ้มตอบ พนักงานนางอัปสรหยิบถาดเดินจากไป
“มันเห็นเราแต่เราไม่เห็นมัน ยังสั่งให้ผมทิปพนักงานพันหนึ่ง ไอ้บ้าเอ้ย!” ผู้พันหงุดหงิด..
“ดีมาก ไม่ต้องหันมา”
เสียงดังมาจากโต๊ะด้านหลัง เป็นโต๊ะที่มีชาวอิตาเลียนนั่งอยู่ ๒-๓ คน แต่ตอนนี้อิตาเลียนคนหนึ่งซึ่งนั่งหันหลังชนกับผู้พันกำลังพูดภาษาไทยชัดแจ๋ว
“หากคุณตุกติก สิ่งที่คุณต้องการจะหายไปตลอดกาล....เรามาเริ่มกันเลย”
ด้านนอก ชายสามคนแฝงตัวเข้ามาในรถตู้ส่งของ ทั้งสามสวมหมวกไหมพรมอำพรางใบหน้า เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วหลบกล้องบันทึกภาพของรีสอร์ท
“ของอยู่ไหน?” ผู้พันถาม
“ไม่ต้องรีบร้อนผู้พัน ทำตามที่ผมบอก ให้คนของคุณทำรายการโอนเงินก่อน เมื่อตัวเลขครบจำนวนโชว์ขึ้น ผมจะส่งของให้คุณตรวจสอบ เมื่อคุณพอใจก็สั่งลูกน้องกดเอ็นเตอร์”
“ได้”
“เดี๋ยว...มันไม่ง่ายอย่างนั้น ผมติดระเบิดไว้กับของที่จะส่งมอบ หากคุณตุกติก คุณจะไม่เห็นมันอีกเลย เข้าใจใช่มั้ย?”
“ได้”
ผู้พันพยักหน้าให้ชายคนที่ถือกระเป๋าเอกสารใบใหญ่ เขาเปิดมันขึ้น ภายในเป็นคอมพิวเตอร์แลปท็อปกับอุปกรณ์สื่อสารไฮ-เทค เขาเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบธนาคารสวิสฯ ขณะป้อนระหัสผ่านนิ้วเขาสั่นนิดหน่อย เสียงเพลงบรรเลงในล็อบบีพอช่วยปลอบประโลมให้ใจเขาหลุดจากสถานการณ์หมิ่นเหม่เช่นนี้ได้บ้าง สัก ๒-๓ วินาทีก็ยังดี
สักครู่หน้าจอแสดงผล เข้าสู่บัญชีของเอสเอสเอ เขาทำรายการโอนเงิน ตัวเลข 5 กับเลข 0 อีกเจ็ดตัวกะพริบ อีกฝ่ายกำลังนั่งดูคอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊คความเร็วสูงของตนเหมือนกำลังง่วนอยู่กับงาน มีตัวเลขห้าสิบล้านโชว์ขึ้นในบัญชี
ด้านนอก ชายในชุดดำทั้งสามหลบอยู่ในเงามืดกระชับอาวุธ
“ดี ต่อไปก็หยิบคีย์การ์ดบนโต๊ะเดินไปที่รีเซฟชั่น บอกมาเอาของที่ฝาก ระลึกไว้เสมอว่าผมเตือนคุณแล้ว”
ผู้พันเหลือบมองผู้ช่วยคนใหม่เชิงขอความคิดเห็น เขาส่งยิ้ม
ผู้พันลุกขึ้น เอื้อมหยิบคีย์การ์ดจากโต๊ะด้านหลังแล้วเดินไปทางเคาน์เตอร์รีเซฟชั่น ส่งคีย์การ์ดให้พนักงาน สักครู่พนักงานกลับมาพร้อมกล่องใบเล็ก
ผู้พันเปิดออกหยิบผ้าชิ้นเล็ก ๆ มีกระดุมติดอยู่เม็ดหนึ่ง พิจารณาครู่ใหญ่แล้วหันมาพยักหน้า
ไม่ทันระวังตัว ใบหน้าผู้พันกระทบของแข็งบางอย่าง ร่างเซถลา
เสียงปืนรัวลั่น
ปัง! ปัง! ปัง!
ทุกคนรีบหมอบลงกับพื้น
กระสุนปืนสาดไปทั่วล็อบบีเลาจ์ ข้าวของกระจุยกระจาย อุปกรณ์สื่อสารกระเด็นตกจากโต๊ะ
คนในชุดดำคว้าผ้าไปจากมือผู้พันแล้วเตะซ้ำเข้าชายโครงอวบอ้วน ผู้พันจุกหน้าเขียวปัดร้องไม่ออก ชายชุดดำวิ่งออกด้านนอก อีกสองคนยังสาดกระสุนเพื่อถ่วงเวลา
ปัง! ปัง! ปัง!
เอี๋ยด!
รถตู้ส่งของเบรกหน้าล็อบบีเสียงดังลั่น พวกชุดดำกระโจนขึ้นแล้วรถก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
กลุ่มชาวอิตาเลียนกระชากวิกผม ร้อง “ตาม!” ทั้งหมดชักบืนพกวิ่งตามออกไป
ผู้พันนอนตัวงอ “ทำอะไรสักอย่างสิหัวหน้า!”
“ท่านสั่งให้ผมนั่งดูเฉย ๆ”
“ปัดโธ่!” ผู้พันรัวหมัดทุบพื้น “โอเค ๆ ผมยกเลิกคำสั่ง!” เขาพยามยามตะเบ็งสุดเสียง
หัวหน้าหนุ่มก้มถามคนที่คุกเข่ามุดอยู่ใต้โต๊ะ “โอนหรือยัง?” เขาส่ายหน้า ชายหนุ่มร้อง “ดี” ขยี้ศีรษะนายคนนั้น ยกแจ็คแดเนียลออนเดอะร็อคขึ้นดื่มหมดแก้วแล้ววิ่งออกไป ผู้พันพยายามเค้นเสียงจากกระบังลม
“ไอ้..ไอ้..ไอ้บ้าเอ้ย!”