๏ ดึกฟังเสียงฝนพรำแทนน้ำค้าง
ลมก็พร่างก็พรมพระเวหา
เย็นยะเยือกหนาวเหน็บเจ็บอุรา
หน่วงหนักนักในมรรคาภิกขาจาร
เงียบวังเวงว้างไหวไปทั้งท่า
เดือนจากฟ้าดาริการะดาร่าน
เมฆคงซบหลบเร้นไม่เห็นนาน
สิ้นหรีดหริ่งเริงลานเคยระงม
เสียงเปาะแปะแปะเปาะออเซาะอ้อน
ค่ำคืนค่อนเคียงใครในอาศรม
ได้แต่กอดบทกลอนทอนอารมณ์
กับระงมฝนพรำอยู่กล้ำกลืน
นานทีหริ่งหริ่งร่ำคงกล้ำกรีด
ราวเสียงหรีดเรียกวอนถอนสะอื้น
ฝนก็พร่ำหรีดก็อ้อนอยู่ค่อนคืน
คนฟังสิกล้ำกลืนผ่านคืนคอย
คอโยกเยกเงกโงกคงโยกหลับ
ไปกับเสียงฝนบนใจหงอย
ซัดซ่านซ่าซ่าสาดบาดใจพลอย
เคลิ้มเรื่อยลอยลิ่วลู่กับวู่ลม
โอ้ยามนี้เจ้าคงหลับกับหมอนอุ่น
นิ่มละมุนจะรู้ไหมใครอกขม
คิดถึงเจ้าเคล้าคลอเพียงล้อลม
พรอดคารมครุ่นคำในค่ำเงา
หนาวนะหนาวหนาวเหน็บจนเจ็บจิต
กระไรคิดเคียงใกล้สุดใจเขลา
ได้แต่เขียนคำคั่นพอบรรเทา
ก้มหน้าเอาเพลงกลอนเป็นหมอนแทน
หากว่าเจ้ายังมิหลับกับหมอนหนุน
วอนเถิดแม่การุณอย่าครุ่นแค้น
เพลงกลอนนี้อาจรบกวนชวนเคืองแทน
อภัยเถิดคนรักแคลนเขาครวญมา ฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น