ทีวีโซนีจอแบน 60 นิ้วฝังผนังเล่นภาพถ่ายทอดสดบอลพรีเมียร์ลีก เสียงผู้ชมในสนามดังลั่น คนพากษ์ส่งเสียงสูงกระโชกกระชั้นตามจังหวะบอลราวกับนั่งบนอัฒจรรย์อยู่ในบรรยากาศสนามด้วยตัวเอง กล้องจากบอลลูนถ่ายภาพมุมสูงติดตามเกมมิต่างสุนัขไล่ลูกบอล เสียงผู้ชมเซอร์ราวด์รอบทิศทางทำเอาผมนั่งก้นไม่ติดโซฟาเผลอส่งเสียงลุ้นไปหลายที
แมนยูฯ ต่อบอลกันไม่ติดโดนฟูแล่มตัดโต้กลับเร็ว หากเจอทีมอันดับสองของตารางยิงนำแต่ต้นเกมล่ะเป็นอันพับเสื่อแน่ หมดสมัยปั้นนักเตะลูกหม้อไปนานแล้ว พวกนั้นต้องใช้เวลาใช้ทุน ยังกว่าจะเล่นเข้าขากันอีก สู้ทุ่มซื้อนักเตะหนุ่มวัยห้าวกำลังอยู่จุดสูงสุดของชีวิตค้าแข้งไม่ได้
แมนยูฯ กลับไม่ทำ!
นักเตะเก่าอยู่ในทีมเพียบทั้งผลงานฤดูกาลผ่านมาย่ำแย่มิพักพูดถึงถ้วยอื่นที่ไม่เคยเข้าชิงอีกเลย พรีเมียร์ลีกนี่ก็จะตกชั้นลอมล่อ ผมรอลุ้นแล้วลุ้นอีกให้กลับมาผงาดเหมือนครั้งซิวทริปเปิลแชมป์
เบียร์ขวดแรกเริ่มออกรส
ผมยกขวดซดทั้งตาจ้องจอทำเอาฟองหกรดจมูกเกือบสำลักตอนนาโอมิเดินออกจากมุมครัว
"ของว่างได้แล้วค่ะ"
นาโอมิพูดภาษาไทยสำเนียงญี่ปุ่น สำเนียงนี้ทำเอาผมหลงใหล อ่อนหวาน ใสซื่อไร้เดียงสา
"วางไว้ก่อนครับ" ผมรัวลิ้นไวกว่าผู้บรรยาย
เสียงชามเซรามิกกระทบพื้นหินอ่อนไสกังวาน แมนยูฯ ถูกตัดบอลอีกแล้ว
"คุณจะไม่ทานเสียหน่อยหรือคะ ฉันอุตส่าห์รอคุณกลับเพื่อจะทำของว่างให้ทาน"
"เดี๋ยว รอพักครึ่งแล้วผมจะกิน ขอบคุณครับนาโอ" ผมรัวคำพูดเร็วปรื๋อ บอลชุลมุนในเขตโทษ
"คุณกลับบ้านดึกดื่นแล้วยังมาดูบอลต่อ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า.."
ผมไม่ได้ฟังที่เหลือเพราะเสียงคนพากษ์ดังกลบ ไม่ก็หูผมเกิดเปลี่ยนโฟกัสกะทันหัน
"ปิด!"
เสียงนาโอมิสั่ง โซนี่บนผนังดับวูบเหลือวงสว่างเล็ก ๆ แล้วหายวับ ไฟแดงสแตนบายสว่างขึ้น ผมตะลึงเหลียวมองเธอ นาโอมิสวมชุดนอนผ้าซาตินบางเบานั่งที่โต๊ะอาหาร เงาแสงจากไฟฝังผนังขับเนินอกแน่นหนัน วงหน้ากลมขาวคิ้วเข้มริมฝีปากบอบบาง ดวงตาคมโตต่างสาวญี่ปุ่นคนอื่น เธอนั่งมองคล้ายคอยคำตอบว่าระหว่างทีวีบนผนังกับเธอผมรักใครมากกว่ากัน
นาโอมิเป็นความทรงจำของผม ผมพบเธอครั้งแรกเมื่อสิบกว่าปีก่อน เธอมาเที่ยวเมืองไทยคนเดียวพักกับองค์กรการกุศลที่เตรียมบ้านพักให้กับนักศึกษาโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่แลกเปลี่ยนด้วยงาน เป็นงานสาธารณะประโยชน์ ให้ความรู้ชุมชน สอนภาษา ไม่ก็นำกิจกรรมแนวอนุรักษ์
ผมรับงานต่างจังหวัด เดินผ่านสาวญี่ปุ่นมีผ้าพันแผลเหนือข้อเท้ากำลังสื่อภาษากับมอเตอร์ไซค์วิน เลยช่วยส่งภาษา ได้ความว่าเธอจะไปล้างแผลที่โรงพยาบาล ผมอาสาพาไปส่ง
ที่พักของเธออยู่ติดทะเล เงียบสงบ พบว่าคนอื่นกลับกันหมด อีกหลายวันกว่าจะมีคนมาเพิ่ม ที่นั่นจึงมีแต่ป้าแก่ ๆ เป็นคนดูแลกับนาโอมิ ผมกลับถึงที่พักคิดสะระตะไม่สบายใจ หญิงสาวมิควรอยู่โดยไม่มีอะไรรับประกันความปลอดภัยอย่างนั้น ผมหอบเต็นท์ใส่ท้ายรถไปที่พักนาโอมิ ค่ำนั้นเป็นดินเนอร์มื้อพิเศษสุดในชีวิต นาโอมิทำอาหารที่ผมไม่รู้ว่าอะไร ถามชื่อก็จำไม่ได้ รสจืดสนิท แต่พอนึกถึงใบหน้าคนทำผมกินจนหมด เธอทำอาหารด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจังเหมือนในโลกนี้มีแต่อาหารตรงหน้าสำคัญสุด เหงื่อเม็ดเล็กผุดเหนือริมฝีปากหน้าผากตรงไรผม มือเธอเลอะจึงใช้ท่อนแขนปาด ผมช่วยหยิบโน่นนี่ตามแต่เธอจะบอก กินอาหารเสร็จเธอเล่นออแกนเป่าอันเล็ก ๆ เป่าตามโน้ตเสียด้วย ถามได้ความว่าดนตรีเป็นวิชาหนึ่งในมหาวิทยาลัย อาศัยแสงเทียนอ่านโน้ตเล่นดนตรีหลังอาหารเคล้าเสียงคลื่น เราคุยกันจนดึกดื่น
วันต่อมาผมพาเธอเที่ยวละแวกใกล้เคียง จนวันเธอกลับ ผมติดงานไปส่งเธอที่สถานีรถไฟไม่ได้ ไปไม่ได้แม้จะร่ำลา เช้าวันนั้นผมทำงานด้วยใจพะวง ที่สุดตัดสินใจฝากงานเพื่อน เหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงก่อนรถไฟออก ผมขับรถเร็วจี๋ ถึงชานชาลาไม่รู้ว่านาโอมิอยู่ตู้ไหน ผมคิดจะวิ่งหาตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวน แต่แล้วเหมือนโชคช่วย นาโอมิยังไม่ขึ้นรถไฟ ผมพบเธอเดินแบกเป้อยูบนชานชาลากำลังมองหาหมายเลขตู้ที่ระบุบนตั๋ว พาเธอขึ้นไปหาที่นั่ง พูดคุยกันได้ไม่นานเสียงหวูดสัญญาณก็ดัง ผมกล่าวลา นาโอมิโผกอดผมไว้แน่
ลงมายืนบนชานชาลา ผมโบกมือลามองรถไฟเคลื่อนออกไปช้า ๆ คิดถึงในหนังที่ตัวละครจากกัน อีกฝ่ายวิ่งตามรถไฟจนสุดชานชาลาคงเป็นความรู้สึกอย่างนี้เอง ตอนนั้นผมอยากทำอย่างในหนัง อยากยื้อเวลาที่ยังเห็นหน้ากันให้นานสุด แต่หนังก็เป็นหนัง
รถไฟลับตาไปแล้ว ผมยืนนิ่งตัวชาน้ำตาไหลพรากไม่อายใคร
"เปิด"
ผมบอก ทีวีจอแบนสว่างวาบ บอลอยู่กลางสนาม เสียงโฆษกดังลั่นทันที ตัวเลขมุมจอบอกว่าแมนยูฯ ถูกนำไปแล้วหนึ่งลูก ผมชักหงุดหงิด
"ปิด!" นาโอมิสั่ง จอดับวูบ
"เปิด!" ผมสั่ง จอสว่างวาบ
"ปิด!" นาโอมิสั่ง
ผมไม่ฝืนอีกเกรงทำทีวีราคาร่วมแสนของผมพัง แต่ความรู้สึกสิแย่ กลับมาเหนื่อย ๆ ว่าจะซดเบียร์เย็น ๆ ให้สบายปอดแล้วค่อยนอน
"ฟังนะนาโอ" ผมพยายามข่มใจ "ขอบคุณที่ช่วยเตรียมของว่างไว้ให้ รอไว้บอลพักครึ่งแล้วผมจะกิน ตกลงมั้ย?"
"คุณกลับดึก ๆ ดื่น ๆ ดูบอลดื่มเบียร์แล้วก็นอน เช้าก็ออกไปทำงาน คุณไม่เคยสนใจฉันนานเท่าไรแล้ว"
เสียงนาโอมิราบเรียบ พูดเน้นทีละคำ ละคำ ผมสะอึกไม่รู้จะบอกว่าไง จริงอย่างเธอว่า เป็นเพราะอยู่กันมานานจนชักเคยชินหรือเพราะฤทธิ์เบียร์วันละห้าหกกระป๋องทุกวันกันแน่ที่ทำให้ความต้องการทางเพศของผมเลือนหายไปเหมือนภาพค่อย ๆ จาง จนไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่เมื่อไร ผมไม่ได้แตะต้องเธอนานเท่าไรแล้ว นึกไม่ออกแฮะ
"ฉันไม่ดีตรงไหน บกพร่องตรงไหนคุณก็บอกสิคะ ฉันจะได้ปรับปรุง"
นาโอมินั่งจ้องผม เธอแทบไม่มีอะไรให้ต้องตำหนิเลย ผมใฝ่ฝันมานานอยากมีภรรยาชาวญี่ปุ่น เพราะเชื่อว่าหญิงสาวชาวญี่ปุ่นถูกสอนให้เคารพเชื่อฟังสามี รักงานบ้านงานเรือน เป็นจริงอย่างเข้าใจ นาโอมิดูแลทุกอย่างไม่มีบกพร่อง ไม่เคยโมโหร้ายหรือแสดงอารมณ์จนคล้ายความเป็นญี่ปุ่นกล่อมเกลาเธอมาให้เป็นอย่างนี้ มีก็แต่ดื้อเงียบ ยืนกรานความคิดตัวเองอย่างที่กำลังทำอยู่นี่ ป่านนี้จบครึ่งแรกไปแล้วก็ไม่รู้
"บอกสิคะ ฉันจะได้ปรับปรุง" เธอก้มหน้าส่งเสียงกระซิกเริ่มร่ำไห้
"ผมขอโทษ ผมขอโทษ"
ผมรีบลุกจากโซฟา โอบเธอไว้ในอ้อมแขน ผิวเนียนนุ่มส่งไออุ่นระอุผ่านเนื้อซาตินเรียบลื่น ผมก้มหน้าเคลียข้างแก้ม กระซิบบอก "ผมขอโทษ ผมจะไม่ทำยังงี้อีก"
เสียงสะอึกอั้นกระตุกเบา เธอเอียงหน้าเงยขึ้น ผมขยับมือโอบเนินอกอิ่ม เนื้อผ้าเรียบโรยไหลราวสายน้ำ กลิ่นหอมอ่อนละมุนเหมือนหลงอยู่ในสวนไม้ดอก มือผมเลื่อนสูงขึ้น นิ่มเนินอกพะเยิบสะท้อนรับแรงบีบคลึง เสียงสะอึกอั้นเปลี่ยนเป็นครางแผ่ว เรือนผมสลวยคลี่ไล้ใบหน้า ผมขบริมติ่งหูเบา ๆ แล้วค่อยเลื่อนลมหายใจไปในเงาหุบผาหลืบถ้ำรัญจวนใจ เธอทิ้งน้ำหนักตัวมาทางผม คล้ายปลดปล่อยความไว้วางใจทั้งมวลให้ชายที่เธอปลงใจรัก ผมเลื่อนไล้ฝ่ามือแผ่วเบา เม็ดชมพูดีดตัวต้านปลายนิ้ว ผมค่อย ๆ กดลงช้า ๆ
เสียงดังคลิก
ดวงตานาโอมิพริ้มหลับ ผมดันตัวเธอฟุบกับโต๊ะแล้วรีบกลับมาที่โซฟา
"เปิด"
จอภาพสว่างวาบ เป็นโฆษณา คงช่วงพักครึ่ง ยังเหลือเวลาอีกนิดหน่อยก่อนครึ่งหลังจะเริ่ม ผมเชื่อมต่อสัญญาณเน็ตล็อกอินเข้าอินเทลลิเจ้นต์บ็อต ด้านขวาของจอแสดงภาพซ้อนทับโฆษณาช่วงพักครึ่ง ผมรีบคีย์คำสั่งเปลี่ยนหุ่นตัวใหม่ คราวนี้เลือกแบบไทยโบราณ พอกันทีกับแบบญี่ปุ่น ฟังว่าหญิงไทยโบราณอยู่ในโอวาทของสามี เป็นแม่บ้านแม่เรือน อีกอย่างผมเบื่อซูชิ เทริยากิเต็มทน อาหารไทยจึงเหมาะสุดแล้วกับคนไทย
กรอกข้อมูลเสร็จกดโอเค
ระบบตอบกลับมา 'ไม่สามารถทำรายการนี้เนื่องจากคุณถูกยกเลิกโดยคุณนาโอมิเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน พนักงานจัดเก็บกำลังเดินทาง กรุณารอสักครู่'
ผมตาเหลือกเหลียวมองร่างที่ฟุบอยู่กับโต๊ะ ●
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น