ายน้ำไหลเร็วรี่จนน่ากลัว
กลิ่นแม่น้ำยังเหมือนเดิม คล้ายใบไม้ไหม้
เสียงเครื่องยนต์สี่สูบยังดังลั่นคุ้ง
เรือเร็วแล่นตัดหน้าเรือข้ามฟากกำลังปัดท้ายไปตามสายน้ำเตรียมเทียบท่า
คนจะข้ามฟากขยับกาย
แล้วทยอยขึ้นลง
ที่แปลกไปคือคนจากฝั่งโน้นมีกระเป๋าหิ้วติดไหล่มาอีกใบ
บางคนรู้จักกัน เมื่อสวนทางก็ทักทาย

เหมือนเดิม..ยังมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า

เหลียวมองชายฝั่ง
บ้านริมน้ำผิดรูปผิดรอย
เหมือนหลงไปอยู่ในฉากนิยายแฟนตาซี
คล้ายเป็นที่อาศัยของคนน้ำซึ่งมีชีวิตครึ่งหนึ่งอยู่ใต้บาดาล
ศาลาท่าน้ำราวถูกออกแบบโดยเน้นภูมิทัศน์ให้มีน้ำไหลผ่านพื้นผิวด้านบน
มีสะพานไม้สองแผ่นยกสูงทอดยังสะพานโป๊ะ เหมือนเดินอยู่บนน้ำ
ชายหนุ่มร่างท้วมอุ้มทีวีตรงมา
สะพานไม้สองแผ่นไม่พอให้สวน
ฉันลงไปยืนแช่น้ำหลบทางให้

เหมือนเดิม..เรายิ้มให้กัน

โป๊ะเทียบเรือลอยสูงพ้นพื้นท่า
สะพานท่าที่เคยใช้เดินลงกลายเดินขึ้น
มีครอบครัวพาเด็ก ๆ มาถ่ายรูปแม่น้ำ
มีหญิงสาวแต่งกายคนเมืองผลัดโพสต์ท่าถ่ายรูป
เรือข้ามฟากออกไปแล้ว มีเรือของเจ้าหน้าที่เข้ามาเทียบแทน
พวกในเรือล้วนชายสวมเสื้อชูชีพคงเป็นทีมช่วยเหลือผู้ประสบภัย
ชายสองคนเดินขึ้นโป๊ะ
คนในเรือยืนวันทยาหัตถ์รับผู้มาใหม่
ป้านั่งข้างฉันรีบรวบถุงข้าวของทันทียินนายท้ายเรือประกาศ

"ไปวัดปรมัยครับ ไปวัดปรมัยฟรี!"

ป้ากุลีกุจอก้าวลงเรือ

เหมือนเดิม..พวกเขาส่งยิ้มให้กัน

ฝูงนกนางแอ่นบินว่อนวน
เสียงลั่นคุ้งเงียบหายเมื่อคนขับดับเครื่องยนต์สี่สูบปล่อยเรือไหลตามแรงน้ำ
ตะโกนทักทายกับพวกจอดเรือใต้สะพาน
เรือเร็วผู้โดยสารเต็มลำถอยออกจากท่าใต้สะพาน
ลุงบังคับเครื่องหางเสียบเรือเข้าจอด ป้าขยับตัวหยิบข้าวของ
ป้าคงหันมาสั่งอะไรลุงก่อนขึ้นท่าที่เมื่อเดือนก่อนคือลานเอนกประสงค์ของท่าน้ำ

เหมือนเดิม..ฉันเห็นพวกเขายิ้มให้กัน ●

ฤดูน้ำหลาก
ท่าน้ำปากเกร็ด
ใต้สะพานพระราม 7


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น