๏ รอนรอนตะวันโอ้..อัสดง
รอนม่านเมฆาลง....เลื่อมฟ้า
รอนลับมืดดับดง....พงพฤกษ์ แดนไพร
รอนรอนราวใจข้า...สิ้นลับ ดับรอน ฯ
๏ รอนรอนตะวันลับ สิ้นแสงดับกับอัสดง
ลบเหลี่ยมเมฆาลง พงไพรพฤกษ์ลึกเลื่อมเงา
มองไหนให้มืดมิด ทั่วทุกทิศมิดม่านเหงา
สะทกโอ้อกเรา ยามไร้เจ้าเฝ้าเจรจา
เห็นนกวิหกบิน หวนคืนถิ่นบินลัดฟ้า
ถวิลเจ้าจินดา ไม่หวนมาหาเห็นกัน
เย็นลมเคยพรมผ่าน พลิ้วแผ่วหวานล่วงวารวัน
ลมนุชหยุดพัดพลัน อยู่ไหนกันหนอสายลม
ยินแว่วเรไรหรีด เจ็บราวมีดกรายกรีดคม
ปร่าปวดรวดร้าวจม ระทมทุกข์ทุกวันคืน
หนาวฟ้าหนาวค่ำฟ้า นานเหน็บล้ากว่ากายฝืน
ระกำสุดกล้ำกลืน กี่ค่ำคืนจะคืนมา
มองดาวพริบพราวส่อง พร่างดาวผ่องนองนภา
ดาวเห็นเด่นดารา หาไม่มีธุลีดาว
ดึกเดือนเลือนเมฆเหงา ลับม่านเนาเงาค่ำคราว
หวังใจไม่ลืมคร่าว ดั่งจันทร์เจ้าเฝ้าเลือนดวง
จะคอยแม้คล้อยค่ำ ดึกน้ำค้างพร่างหนาวหน่วง
หนึ่งใจใช่คำลวง กี่เลยล่วงก็จะคอย ฯ
คล้อยคืนสวัสดิ์ขอรับท่านสาย
ตอบลบขอประทานโทษที่ไม่ได้โผล่มาสนทนา ตั้งใจไว้ว่าจะเขียน 'คุยกันวันละคำ' หัวเรื่อง 'นอน(ไม่)หลับ' สักไอเท็ม แต่ให้มีอันสหายลากตัวไปช่วยผสมวิสกี้โซเนื่องในโอกาสวันเที่ยว ข้ามวันคืน กว่ากลับมาถึงขนำเล่นเอาสิ้นเรี่ยวสูญแรง นั่งละห้อยละเหี่ยอยู่นี่แลขะรับ
จึงนอกจากไม่ได้ตักน้ำตักท่าต้อนรับสหายชานเรือนแล้ว เห็นทีต้องผลัด 'นอน(ไม่)หลับ' ออกไปไม่มีกำหนด เพราะเหลือบเห็นเรือท่านธีรออกเดินทางแล้ว ต้องลงมือปั่น 'สะบายดีฯ' ต่อ
ยินดีที่ได้รู้ว่าตัวหนังสือท่านเดินหน้า ลงมือเขียนจริงจังของท่านส่งแรงสะท้อนถึงข้าพเจ้าให้ทบทวน จัดการเวลาเขียน นำพาตัวอักษรเดินหน้าไปให้ได้ดังใจหมายเช่นกัน
สิ้นสัปดาห์เรื่องดำเนินถึงไหนรบกวนช่วยบอกกล่าวกันด้วยนะขะรับ
ขนำน้อยเคยมีท่านแวะนั่งตอกตะไลหมาก ป๊อก! ๆ ไม่เว้นวัน ครั้นขาดท่านก็ให้เงียบเหงาวังเวง ราวขนำร้างกลางดงหญ้าคา
แม้ในความคุ้นเคยจะครุ่นระทมทุกข์อยู่บ้าง แต่ความเปรมใจที่ทราบว่าท่านห่างหายไปเพื่อเขียนหนังสือนั้นสุขยิ่งเสียกว่า แลเมื่อเห็นท่านทุ่มวิสาหะเยี่ยงนั้น ข้าพเจ้าก็บอกตัวเองว่าจะต้องทำให้ได้เช่นกัลล์
จะลองตั้งเป้าหมายสั้น ๆ ดูว่าภายในหนึ่งสัปดาห์ ข้าพเจ้าจะได้ตัวอักษรสักกี่หน้า
แล้วพบกันขอรับท่านสาย
คารวะ
ป.ล. ๑ หนุ่มโสด(มั้ง)เจ้าของคอนโดฯผู้นั้นคือใคร เป็นบล็อกกลอนใช่ไหม? ข้าพเจ้าเองหมั่นมองหาบล็อกกลอนที่ผู้เขียน เขียนอย่างต่อเนื่อง มีประเด็นชวนคิด และที่สำคัญ เขียนในบล็อกที่มี Feed ให้ติดตาม (ไม่ใช่บล็อกสัญชาติสยามคลั่งโฆษณา ซึ่งไม่มีฟังก์ชั่น Feed)
พอจะขอ Add. บล็อกได้ไหม?
ป.ล.๒ ขอบคุณสำหรับ 'หลับไหล' 'หลับใหล' ขอรับ
ป.ล. ๓ น้ำเพิ่งลด ข้าพเจ้าเพิ่งได้เข้าตลาด พบ ส.ค.ส.มวลมิตรในตู้ป.ณ. กำลังนั่งเขียนภาพทีละแผ่น..ละแผ่น..แล้วจะส่งโปสการ์ดทำมือ(ที่ทุกใบมีแผ่นเดียวในสยามประเทศ)ไปให้..ขอบคุณสำหรับการ์ดส.ค.ส ขอรับ
ป.ล. ๔ ท่านคงจำนิตยสาร 'อ่านเอาเรื่อง' ที่ข้าพเจ้านำมาลง ไม่ทราบข้าพเจ้าจะรบกวนไหว้วานฝากท่านช่วยซื้อให้หน่อยได้ไหม? หากเนื้อหาน่าพอใจ ข้าพเจ้าคิดสมัครสมาชิก
ดึกดื่นสวัสพี่ดิน
ตอบลบกลับจากเมืองใต้มาถึงบ้านเอาเมื่อบ่าย
ทั้งสนุกทั้งเหนื่อย
พี่ดินเป็นอย่างไรบ้าง
สบายดีไหม เขียนหนังสือไปถึงไหนแล้ว
ท่านสอนโรงเรียนตระกูลเจียวหรือขะรับจึงได้หยุดตรุษจีนสวัสดิ์
ตอบลบจะสิ้นเดือนแรกของปีแล้ว นิยายข้าพเจ้าค้างเติ่ง เพราะพยายามจบบันทึกหลวงพระบางก่อน (เขียนหลายอย่างเวลาเดียวกันไม่ได้น่ะทั่น วัน ๆ เขียนได้แค่ไม่กี่บรรทัด)กลัวอยู่เหมือนกันว่าจะเผลอพาลหมดอารมณ์ทำนิยายค้างอีกเรื่อง
แต่เตรียมทางหนีทีไล่ไว้แล้วเพราะเป็นเรื่องสั้น ๆ หลายเรื่องต่อกัน หมดท่าวันใดก็เก็บไว้ต่อวันหลัง
ตอนใหม่ของท่านในบอร์ดข้าพเจ้ายังไม่ได้อ่านเลย (อ่านไม่ทันขะรับ หมู่นี้ดูเหมือนเหล่าสหายขยันกันดีแฮะ)
แล้วค่อยตามอ่านที่บล็อกขอรับ
คารวะ
พี่ดินคงเริ่มหลง
ตอบลบไม่มีชื่อที่กลับจากชายแดนใต้นั่นล่ะปลายเอง
เอ๊ะ...หรือปลายเมา ไม่นา แค่ขวดเล็กขวดเดียวไฮเขียวไม่น่าเมาได้ หรือมิใช่
ไปเขียนงานต่อล่ะค่ะ
อ้าว!..คิดว่าทั่นคั่น โทษ..โทษ..
ตอบลบเป็นอย่างไรบ้างขอรับ? บรรยากาศน่ากลัวดังที่ประดาสื่อมวลชนฉายให้เห็นหรือเปล่า?
๏ รอนรอนตะวันดับ.......ตะวันลับเลือนจากลา
ตอบลบลาลับ โอ้..ดับหล้า.......เหลือเพียงฟ้ายามราตรี
ฟ้าแจ้งกระจ่างดาว.......พร่างเพริศพราวทุกถิ่นที่
ยลดาวพราวแสงสี........แทนธุลีเศษดวงดาว
จะดวงดาวหรือดวงเดือน....ก็เป็นเพื่อนสุกสกาว
แม้ไม่มีธุลีดาว..........คงไม่หนาวจนร้าวรอน
เย็นลมพรมพลิ้วผ่าน......เมื่อวันวานมาจากจร
อกพี่อย่าอาวรณ์........ใช่จรลับไม่กลับมา
วันคืนกี่เลยล่วง.........ใจยังห่วงอาลัยหา
คะนึงถึงทุกเวลา.........หวังกลับมาได้พบเจอ ฯ
-------------------------------
ป๊อก ป๊อก ป๊อก ......เด้ง! (อะจึ๋ย!)
หลับยังเอ่ย? จะมาชวนตั้งวง (เฮ้ย! ไม่ใช่)
ท่านจะเป็น‘จ้าว’หรือจะให้ข้าเจ้าเป็น? (อ้าว! ไปกันใหญ่)
หวัดดียามดึกเจ้าค่ะทั่นดิน
เอางานมาแปะในสำนัก เลยแวะมาทักทายกันหน่อย
(ป่านนี้จะโดนหริ่งหรีดเรไรกล่อมจนหลับใหลไปแล้วก็ไม่รู้ )
กว่าจะโพสต์ในสำนักได้เล่นเอาเหงื่อแตกเลยเจ้าค่ะ
ก็โพสต์ไปสิบกว่ารอบมันไม่ยอมขึ้นให้ซะที
เพิ่งเหลือบไปเห็นว่าที่แท้เราลืมใส่ชื่อ เฮ่อ!!!
แล้วพรุ่งนี้ตอนสายๆ จะเข้ามาคุยด้วย
คืนนี้ต้องรีบไปอ่านหนังสือธรรมะก่อนนอนสักชั่วโมงสองชั่วโมง
เผื่อราตรีนี้จะได้ไม่ยาวนานนัก
หลับฝันดีนะทั่น
สายลม
ปล. ข้างบนนั่น(จะคอย) ซาบซึ้งมากเลย ^__^
อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านสาย
ตอบลบยินเสียงป๊อก! คิดว่าใครมาตำส้มตำยามดึก หมู่นี้ Spam มันจ้องเล่นงานข้าพเจ้าจนนอนสะดุ้ง (นี่ขนาดใส่ตัวกรองแล้วนะทั่น! ไม่เข้าใจว่ายังรอดมาได้อย่างไร)Recent Comment ของ Blogger มีได้แค่ 5 ข้อความ เปิดย้อนก็ไม่ได้(ลบก็ไม่ออก) ขนำน้อยนาน ๆ มีสหายมาแหมะความที หากเจอ Spam สะสมแค่วันละสองก้อนเป็นอันไม่ต้องรู้ความกันทีเดียว
เวรกรรม..เวรกรรม..(ข้าพเจ้ามีแค่พอกินไปวัน ๆ มันจะมาชวนไปเรียนต่างประเทศ..ฮึมม์!)
เป็นไงบ้าง เขียนหนังสือได้ดังใจหมายเปล่า?
รบกวนตอบเรื่อง 'อ่านเอาเรื่อง'ด้วยนะทั่น ข้าพเจ้าอยู่ชนบทไม่มีหนังสือสมองแฟบไปทุกวัน พอดีทั้งชื่อเล่มและราคาอ่านเอาเรื่องตรงใจนัก คิดจะสมัครสมาชิก เผื่ออารมณ์คิดอารามเขียนจะคึกคักขึ้นบ้าง
มีความสุขกับงานสุดสัปดาห์ขอรับ
คารวะ
ปล.ยินเรื่องอ่านก่อนนอนแล้วอยากคุย ข้าพเจ้าไม่รู้จิตอ่อนเกินไปหรืออย่างไร อ่านอะไรแล้วเก็บไปฝันขะรับ มันติดเข้าไปทั้งเนื้อหาทั้งสำนวนเขียน
ตอนอ่านกำลังภายในปรากฎว่าฝันเลือดท่วมจอ ยิ่งหากเป็นแนวสยองขวัญของสตีเฟ่น คิงก์ (ตานี้บรรยายซะ..บ้าจริง!)หลับเป็นฝันกระเจิง
คิดก็ขำตัวเอง บอกไปก็อายขอรับ ข้าพเจ้าอ่านเอาสนุกแต่ตอนกลางวัน ส่วนก่อนนอนจะมีหนังสือแนวเซน เต๋า และบทกลอนวางไว้ข้างเสื่อ
หลับสบาย ไม่มีฝันดีฝันร้าย มีความสุขกับหลับพักผ่อนแต่นั้นมา
อีกอย่าง..
ครั้นพบว่าสิ่งที่อ่านก่อนนอนมีผลบันทึกเข้าในจิตใต้สำนึก ข้าพเจ้าเลยคิดตลบหลัง อยากดาวน์โหลดแนวภาษาเยี่ยงไรลงในโมเด็มข้าพเจ้าก็เอามาอ่านก่อนนอน
เป็นผลขอรับ แนวภาษานั้น ๆ ไล่เรียงอยู่ในสมองจนตื่นเช้าเลยเทียว ครั้งหนึ่งเคยอ่านแม่พลอยเพราะใคร่รู้ว่าคุณชายคึกฤทธิ์ท่านใช้ภาษากับงานสี่แผ่นดินอย่างไร ปรากฎว่าคำพูดคำจา ภาษาที่เป็นความนึกคิดของแม่พลอยเข้ามาฝัง ไม่มีความฝันเข้ามาเกี่ยวข้องแต่รูปแบบภาษาคำพูดคำจาติดมาเลยเทียวขะรับ
ภาษาในสี่แผ่นดินเป็นภาษาสวยงาม ไม่ห้วน ไม่เยิ่นเย้อ ถือว่าโชคดีที่ได้ลองอ่าน (ไม่จบเล่มแรกดอกขะรับ อย่างที่บอกข้าพเจ้าติดไปข้างโดราเอม่อนเสียล่ะมาก)
ประเด็นเหล่านี้ล่ะขอรับที่เคยคิดจะคุยตอบท่านเรื่อง 'นอนไม่หลับ' สักหนึ่งไอเท็ม แต่ไม่ได้ทำ ยามนี้ก็ต้องเผ่นก่อนแล้ว หิวจนท้องร้อง
สายสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิน
ตอบลบงานเขียนข้าเจ้าดำเนินไปราบรื่นดีเจ้าค่ะ บรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้ ตั้งเป้าว่าเขียนให้ได้'อย่างน้อย'อาทิตย์ละสิบหน้า(ไม่ต้องทำหน้าตกใจนะทั่น ข้าเจ้ารู้ว่ามันมากโขอยู่ แต่ทำไงได้ล่ะ คนมันเก่ง ฮา)
((ท่านต้องเข้าใจนะว่า หนึ่งปีกับสี่เดือนที่ผ่านมาข้าเจ้าเขียนนิยายได้ 120 หน้า ลองเอามาคำนวนดูตกอาทิตย์ละ 2 หน้า โอ..แม่จ้าว! เห็นไหมล่ะ บอกแล้วว่าอาทิตย์ละสิบหน้านี่อย่างหินเลย))
ตอนนี้พิมพ์โดยใช้ font size 16(ไม่รู้ปกติเขาใช้ font ขนาดไหนกัน) ใช้ 14 ไม่ไหว กว่าจะได้แต่ละหน้า ข้าเจ้าคงต้องขาดใจตาย ถือว่าบั่นทอนจิตใจอย่างร้ายกาจ
ตั้งใจจะให้จบนิยายเรื่องนี้เร็วๆ เพราะอยากกลับไปเขียน'เด็กน้อย'จะแย่อยู่แล้ว ทิ้งเค้าไว้ตั้งแต่คุยเรื่องวรรณกรรมเยาวชนกับท่านนั่นแหละ ป่านนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย สงสัย'เจ้าจอมขวัญ'จะงอนตุ๊บป่องไปแล้วมั้ง
นอกจากนิยายสิบหน้าต่ออาทิตย์แล้ว ก็ต้องเขียนกลอนให้ได้อาทิตย์ละชิ้นด้วยเจ้าค่ะ ข้าเจ้านั่งไล่เปิดดูสมุดที่จดเรื่องจิปาถะ มีกลอนที่ขึ้นไว้เป็นสิบชิ้น หนึ่งบทบ้าง สองบทบ้าง บ้างก็ขึ้นวรรคแรกไว้ บ้างก็มีแค่วรรคจบวรรคเดียว แต่มีที่แย่ไปกว่านั้นคือ ขึ้นชื่อเรื่องโด่เด่ไว้ไม่ตัวอักษรเป็นเนื้อเรื่องสักกะตัว(บางอันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขียนไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่) ตอนนี้เลยต้องไล่แต่งไปเรื่อยๆ
พูดถึงเรื่องนอนไม่หลับ
ปรากฏว่า ธรรมะไม่ได้ช่วยอะไรข้าเจ้าในเรื่องนี้เลย(แต่ช่วยเตือนสติได้ในหลายเรื่อง) คิดว่าอ่านไปเรื่อยๆ คงดีขึ้น ทุกอย่างต้องใช้เวลาอยู่แล้ว
ฟังท่านเล่าถึงเรื่องความฝัน เมื่อคืนก่อน(ถัดไปสักสองคืน) ข้าเจ้าฝันว่าหลุดไปอยู่ในนิยายเรื่องหนึ่ง เป็นเรื่องผสมผสานระหว่างแนวจักรๆ วงศ์ๆ กับแนวขุนศึก(ข้าเจ้าไม่ได้เป็นตัวละครในเรื่องหรอก แต่ทำหน้าที่เป็นผู้สังเกตการณ์)
มีอยู่ช่วงหนึ่งนางเอก(ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเจ้าหญิงหรืออะไรสักอย่าง)ทำตัวไม่เหมาะสม เมื่อพี่เลี้ยงว่ากล่าวตักเตือนนางก็ไม่ยอมฟัง พี่เลี้ยงจึง'ท่องกลอน'บรรยายถึงฐานะและหน้าที่ให้นางฟัง ข้าเจ้าได้ฟังกลอนนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ รู้สึกว่าไม่เคยฟังจากที่ไหนมาก่อน มันเพราะมากเลยนะท่าน ยังคิดว่าถ้าข้าเจ้าแต่งกลอนได้เพราะขนาดนี้จะดีสักแค่ไหน
พอตื่นขึ้นมาจะจดไว้ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก มันคลุมเคลือรางๆ เหมือนอยู่ในม่านหมอก
(คงเป็นเพราะก่อนนอนข้าเจ้าหมกมุ่นอยู่กับเรื่องกลอนมั้ง เลยเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะ)
ตอบ ปล. ในความเห็นหนึ่ง
ปล๑.หนุ่มโสด(มั้ง)นั่น ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก ก็ท่านบอกเรื่องกลอนต้องถามท่านคั่นฯ ข้าเจ้าจะไปหมายถึงใครได้ล่ะถ้าไม่ใช่ท่านคั่นฯ หึม์?
ปล๒."หลับใหล" กับ "หลับไหล" ข้าเจ้าเพิ่งเจอข้อสังเกตใหม่ โปรแกรม Word ในเครื่องของข้าเจ้า มันไม่รับคำ "หลับไหล" ถ้าพิมพ์คำนี้เป็นสระไอไม้มลายโปรแกรมจะเปลี่ยนเป็นสระไอไม้ม้วนให้อัตโนมัติ ถ้าย้อนกลับไปแก้เป็นไม้มลายอีกครั้งมันจะขึ้นเส้นยึกยือสีแดง(เค้าเรียกว่าเส้นอะไรอ่า?) บอกว่าเป็นคำผิด
เครื่องท่านเป็นด้วยเป่า? ถ้ามันยอมรับทั้งสองตัวนะแสดงว่าเจ้าชู้น่าดู ท่านต้องปรามมันมั่งแล้วล่ะ ยังเป็นเจ้าไมเคิลคล้าวอยู่ป่าวทั่น หรือเปลี่ยนใหม่แล้ว?
ปล๓.จะรอรับโปสการ์ดทำมือที่มีแผ่นเดียวในสยามประเทศ(หรืออาจจะในโลก)ด้วยใจจดจ่อเจ้าค่ะ และในระหว่างที่รอก็จะเลือกดูกรอบไปพลางๆ ก็แหมแผ่นเดียวในประเทศนี่นะ ได้รับปุ๊บจะรีบใส่กรอบปั๊บแล้วยกขึ้นหิ้งในทันใด
ปล๔.นิตยสาร'อ่านเอาเรื่อง'ออกเดินทางไปแล้วเจ้าค่ะเมื่อวานตอนบ่าย น้องที่ร้านบริการไปรษณีย์บอกประมาณสามสี่วันถึง(เค้าคงไม่ได้รวมเสาร์-อาทิตย์)วันพฤหัสหรือวันศุกร์คงถึงแหละ
ข้าเจ้าเข้ามาในขนำท่านเมื่อวานตอนเที่ยง เห็นท่านฝากซื้อนิตยสารเลยออกไปซื้อให้เลย ถือโอกาสโผล่หัวออกนอกกะลาด้วย(ข้าเจ้าขลุกอยู่แต่ในห้องตั้งแต่วันจันทร์ จะออกจากห้องก็เฉพาะหาของกินใกล้ๆ ที่พัก) ได้นิตยสารมาก็แอบเปิดซิงไปสองชั่วโมงก่อนเอาไปส่ง ถือว่าดีทีเดียวกับราคา 30 บาท(ที่ซี้อได้แค่ข้าวผัดหนึ่งจาน)
สุขสันต์วันฟ้าแจ้งเจ้าค่ะ
สายลม
คล้อยคืนสวัสดิ์ขอรับท่านสาย
ตอบลบไม่มีข่าวใดเลยจะนำความยินดีแก่คนเขียนหนังสือยิ่งไปกว่าได้รับรู้ว่าสหายผู้ร่วมย่ำเดินไปบนหนทางอันหาเห็นจุดหมายไม่นี้ ได้รุดหน้าไปโดยสวัสดี
จารอักขระหนึ่งหน้ากระดาษนั้นหาใช่เรื่องยากเย็น เป็นใคร ๆ ก็สามารถกระทำได้ แต่ทำอย่างไรให้ต่อเนื่องจากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ไม่ว่าจะร้อนจะหนาว เรื่องราวภายนอกจะเป็นเยี่ยงไร เรื่องราวบนหน้ากระดาษยังต้องดำเนินไป
ผู้ที่จะกระทำเยี่ยงนี้ได้ มีแต่ลงมือฝึกฝน ฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการด้วยกำลังใจที่ไม่หวั่นไหวลังเล
มิไยท่านจะต้องบอกกล่าว 'พยายามเขียนนะท่านดิน เขียนให้จบเรื่องล่ะ'
ท่านได้กล่าวไว้แล้วด้วยกัมปนาทพจนา ด้วยลายอักษรสิบหน้าต่อหนึ่งสัปดาห์อันได้กระทำ
บ่อยครั้งที่ข้าพเจ้าคิดเห็นว่าคำพูดให้กำลังใจหามีความหมายมากไปกว่าพลิ้วลมที่พัดผ่าน นำความเย็นสบายประโลมใจเพียงครู่ มิสู้กำลังใจอันเกิดจากการกระทำแบบอย่างอันควร ผลซึ่งเกิดแต่การกระทำทดแทนคำพูดร้อยแปดพันคำ ทั้งยังยืนยันมั่นคงแน่นหนัก
ทุกครั้งที่ท่านเจ้าสำนักมีงานใหม่ออกมา เป็นคล้ายแส้โบยตีให้ลาน้อยเร่งก้าวเดิน อย่าได้สนใจสูญเวลาเล็มหญ้าริมทางจนละลืมจุดหมายแท้จริง
บุหงาปารียังไม่สิ้นรอยโบยตี มังกรเซนก็ตามกระหน่ำย้ำ
การที่เจ้าลาน้อยติดตามรอยเท้ายอดอาชาที่ย่ำเดินไม่ยอมหยุดเยี่ยงนี้นำมาซึ่งความเหนื่อยล้า เผลอพัก ผ่อนลมหายใจเพียงครู่รอยเท้าก็อาจไกลจนลับตา
แต่การติดตามเช่นนี้ มีแต่นำเราก้าวไปข้างหน้า ไม่ย่ำเท้าหรือหลับรับลมเย็นจนกาลเวลาถมทับร่องรอย ที่สุดละทิ้งการเดินทาง ซุกซากฝันไว้ในสุสานอันเวิ้งว้างว่างเปล่า
ข้าพเจ้าจึงเฝ้าย่ำเท้า มองเห็นการกระทำเยี่ยงนั้นเป็นกำลังใจเรื่อยมา
ความยินดีที่มีสหายร่วมทางเช่นท่านนั้นไม่น้อยเลย แต่ความเปรมปรีดิ์ที่ได้เห็นสหายรุดหน้าไปบนหนทางกลับมากเสียกว่า
จะคอยอ่านนิยายของท่านเมษาฯหน้า เอ้ย! เมษาฯนี้นะขอรับ
คารวะ
ปล.๑ เอ่อ..ท่านคั่นน่ะเอง (หมู่นี้ไม่รู้หายไปไหน ไม่ยอมเขียนกลอนอีก เราจะลองบ่นดัง ๆ ดีไหม?)
ปล.๒ ขอบพระคุณสำหรับ 'หลับใหล' ขอรับ ต่อไปข้าพเจ้าจะใช้แต่คำนี้ (ไม่ทราบดอกขอรับเรื่อง Word ไม่เคยใช้เลย นี่ก็เพิ่งได้คำแนะนำจากพี่ท่านอานันท์ ทำให้ใช้ Word สนุกขึ้นอีกหน่อย เท่าจำได้ตัวอักษรที่จุดประกายฯกำหนดคือ 16 นะท่าน ฉะนั้นท่านเซ็ตถูกแล้วล่ะ)
ปล.๓ โปสการ์ดทำมือใช้เวลาสักหน่อยนะขอรับ ข้าพเจ้ากำลังจัดสรรเวลา
ปล.๔ ขอบพระคุณมั่กมั่กสำหรับ 'อ่านเอาเรื่อง' (ข้าพเจ้าชอบชื่อเจ้าหนังสือนี่จริง ๆ ความหมายเอาจริงเอาจัง ท่าทีกลับเบาสบาย ท่านมีคำคล้าย ๆ อารมณ์อย่างนี้อยู่อีกบ้างไหม?)
ปล.๕ เสียดายท่านจำกลอนนั้นไม่ได้นะขอรับ ยินว่าไพเราะก็ใคร่สดับนัก
ยามนี้ท่านคงยังนั่งทำงาน ขอมีความสุขสำราญกับงานตรงหน้าขะรับท่านสาย
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ตอบลบเลิกงานตั้งแต่สี่ทุ่มแล้วเจ้าค่ะ ข้าเจ้ามัวแต่นั่งอ่านแฮร์รี่เพลินเลยยังไม่ได้กลับรูหนูน้อยๆ เพิ่งได้จับมันเป็นครั้งแรกทั้งๆ ที่วางยั่วตายั่วใจอยู่ตั้งนาน ท่านเคยบอกว่าไงนะ อ่านไม่จบเล่มแรกใช่ไหม? ทำไมถึงอ่านไม่จบหรือท่าน? ข้าเจ้าว่ามันก็สนุกน่าติดตามดี(แต่ไม่ถึงกับติดหนึบ)
เรื่องฝันที่ข้าเจ้าเล่านั่น ตื่นขึ้นมาคิดว่าจะได้พล็อตนิยายสักเรื่อง แต่เพราะนิสัยชอบผลัดเลยบอกกับตัวเองว่า'เดี๋ยว'ค่อยบันทึกลงในสมุด สุดท้ายก็ปิ่ว ความรู้สึกตอนตื่นกับความรู้สึกตอนนี้มันต่างกันลิบ ตอนตื่นใหม่ๆ มันน่าตื่นเต้น มันดูลึกลับชวนค้นหา แต่ตอนนี้มันช่างธรรมด๊า..ธรรมดา..
ขอตัวกลับรูหนูไปมุดหัวนอนแล้วนะทั่น
นิทราสวัสดิ์เจ้าค่ะ
ปล.คำที่คล้ายๆ 'อ่านเอาเรื่อง' ตอนนี้คิดไม่ออก ขอเอาไปนอนคิดสักคืนนะ เผื่อคืนนี้จะเจอคำดีๆ ในฝัน ^_^
อ้อ..อีกปล.บ่นดังๆ เรื่องทั่นคั่นฯ ไม่ยอมเขียนกลอนนี่ บ่นไงเหรอ?
อรุโณทัยล่วงแล้วสวัสดิ์ขอรับท่านสาย
ตอบลบพล็อตในฝันของท่านไม่เบาทีเดียว ขุนศึกกับจักร ๆ วงศ์ ๆ นั่นก็คือนิยายอิงพงศาวดารนี่เอง
ยุคสมัยเมื่อท่านยาขอบ ท่านไม้เมืองเดิมยังผาดโผดในยุทธจักรสยามนวนิยายนั้น นิยายอิงพงศาวดารเป็นที่สนใจของนักอ่านทั่วสยามประเทศ เหล่านักเขียนจึงเพียรหยิบจับเกร็ดพงศาวดารมาเสกสรรปั้นแต่ง ได้เลิศปฏิมากรรมอักขระประดับฟากฟ้าวรรณกรรมไว้อย่างมากมาย
หากท่านลองมองผ่านหน้าต่างเข้าไปในห้องสมุดโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ท่านจะเห็นเจ้าเด็กหัวเกรียนนั่งก้มหน้าก้มตาพลิกกระดาษสีกาแฟกลิ่นน้ำตาลไหม้ ใช้ช่วงเวลาที่เหลือของพักกลางวันติดตามสีหราชเดโชเจ้าหนุ่มชนบทที่ใช้เชิงดาบคู่บากบั่นเข้าเผชิญโชคจนรับตำแหน่งราชองครักษ์สมเด็จพระนารายณ์เจ้า เพื่อปกป้องกษัตริย์ผู้เป็นที่บูชาเหนือเกล้ากระทั่งชีวิตสิ้นสูญยังไม่ยอมถอยแม้ก้าว
นั่นเป็นเรื่องราวใน 'เพชรพระนารายณ์'ซึ่งข้าพเจ้าไม่อาจจดจำว่าเป็นเลิศอักขราจารย์ท่านใดรจนาไว้ ครั้นทุกวันนี้ใคร่หามาอ่านอีกครั้งกลับไม่อาจพบพาน
เชื่อว่ายังมีเกร็ดพงศาวดารที่เต็มด้วยน้ำเนื้อแห่งชีวิตอยู่อีกมากให้เราหยิบฉวยมาสลักบานบัญชรเพื่อที่จักเปิดออกไปพบเรื่องราวสุขเศร้าของพวกเขาเหล่านั้น
ประเด็นที่ท่านยกมาสิน่าคิด
ในจังหวะที่พล็อตวาบขึ้น เรารู้สึกมีแรงส่ง เพียงแค่ลงมือ มั่นว่าตัวอักษรจะต้องกระโจนไปข้างหน้าไม่ต่างอาชาเปรียว
แต่หากไม่เขียนเสียแต่ตอนนั้น พลังนั่นลดน้อยถอยลง กระทั่งไม่มีเหลือ การจะกลับมาเขียนทีหลังกลายกลับเป็นหนักอึ้งเสียกว่าเข็ญครกขึ้นดอยอินทนนท์
บางครั้งกระทั่งลงมือเขียนไปแล้ว พ้นผ่านสักสองสามตอน พลังแรงเร้ากลับไม่หลงเหลือก็มี
เหล่านี้ยังเป็นปัญหาให้ข้าพเจ้าขบคิดฝึกฝนไม่หมดไม่สิ้น จนบางครั้งรู้สึกคล้ายว่าหากจะลงมือเขียนนิยายสักเรื่อง ต้องมั่นใจแล้วว่าเป็นเรื่องที่มีแรงหนุนเร้าความสนใจ(ตน)มากพอที่จะรักษาระยะการเขียนไปได้อย่างยาวนาน
แต่เรื่องอย่างนั้น..ไม่ทราบวันใดจะผุดพรายขึ้นสักคราสินะ
ขอให้สนุกกับงานวันอาทิตย์ขอรับท่านสาย
คารวะ
ปล. แฮรี่ฯเล่มหนึ่งจบขอรับ ดีด้วย(ทั้งพล็อต จังหวะเดินเรื่อง แก๊กที่ซ่อน ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ มุกเล่นคำในภาคภาษาอังกฤษ(นี่เป็นส่วนที่แปลยาก ภาคแปลสูญรสตรงนี้ไปอย่างน่าเสียดาย(ผ่านตาเพียงนิดหน่อยไม่มีปัญญาอ่านจบเล่ม))
แต่เล่มที่เหลือไม่จบอีกเลย จับแล้ววาง จับแล้ววาง
ข้าพเจ้ารู้สึกรำคาญคล้าย ๆ ว่าเรื่องมีอยู่นิดเดียวแล้วนำมาขยายให้ได้จำนวนหน้าน่ะขะรับ เป็นมุกที่นักเขียนนิยายฝรั่งชอบนำมาใช้ (นิยายของแดน บราวน์นั่นปะไร มี Angel&Demon ที่พอเข้าที ส่วน Davinci น่าจะเหลือสักครึ่งเล่ม เรื่องอื่น ๆ แทบไม่ต้องอ่าน เพราะเป็นการเอาตัวอักษรมาแหมะขยายความเพิ่มจำนวนหน้าเพื่อตั้งราคาขายล้วน ๆ)
อีกอย่างแฮรี่ฯทุกเล่มคล้ายเป็นเรื่องเดียว คือใช้วิธีเขียนเดียวกัน อ่านเล่มแรกเล่มเดียวก็เข้าใจมุกของเจเคที่เหลือ (เป็นมุกน่ารัก ซ่อนมุมเล็กมุมน้อยไว้ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย แล้วค่อยส่งผลกับเรื่องในตอนใกล้จบ)
ปล.๒ บ่นท่านคั่นเหรอ?..แบบว่า 'เฮ้ย! ทั่นคั่นที่เคารพ เขียนกลอนมาให้อ่านซะทีสิวะขะรับ!!' แบบนี้ไง
มีความสุขกับวันทำงานขอรับท่านสาย
ล่วงบ่ายสวัสดิ์เจ้าค่ะ
ตอบลบนิยายอิงพงศาวดารเลยหรือ?
เท่าที่จำได้ข้าเจ้าไม่เคยอ่านนิยายแนวนี้สักกะเรื่องเดียว
(ทำไมนะหรือ --- ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม)(ถ้าจะเขียนแนวนี้ คงเป็นงานหนัก หนักเท่ากับเข็นครกขึ้นเขาเอเวอร์เรสซะละมั้ง)
ท่านมองภาพรวมของหนังสือที่อ่านได้ละเอียดทีเดียว ส่วนข้าเจ้าอ่านแบบไม่คิดอะไรมาเน้นสนุกไว้ก่อน นิยายของแดน บราวน์ข้าเจ้าลองถามคนที่อ่าน ทุกคนต่างบอกว่าชอบ Davinci เหมือนกันหมด มีข้าเจ้าคนเดียวที่ชอบ Angel&Demon ก็บอกไม่ได้อีกเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบ รู้แต่ว่ามันลุ้นระทึกดี ส่วน Deception Point ทำเอาข้าเจ้าเสียความรู้สึกอย่างแรง คงเพราะตั้งความหวังไว้กับมันมากไป
มีความสุขกับงานเขียนนะทั่น
(วันเที่ยวอีกหรือเปล่านี่วันนี้)
ปล.บ่นทั่นคั่นฯแบบนั้นเกรงแต่พระคุณทั่นจะยันเข้าให้นะสิ เอาแบบนี้ไม่ดีกว่าหรือ "ท่านคั่นฯที่รัก เขียนกลอนมาให้อ่านกันซะทีสิจ๊ะพ่อรูปหล่อ รอนานแล้วน้า..." ขี้คร้านจะละลายจนแจ้นไปเขียนมาให้อ่านกันในทันใด