ATM เออรัก..เออเร่อ (เมษ ธราธร/2012/ไทย) รักของผู้ยากไร้
By : Filmsick

มันเป็นกรรมของคนชั้นกลางหรือเปล่าที่ต้องฝันถึงการเป็นผู้ช่วยเหลือ ผู้รับกรรม ผู้ไถ่บาปของคนชั้นล่าง การชำระคตวามผิดบาปในโณงภาพยนตร์ของคนชั้นหลางจึงเรืองรองอย่างน่าทึ่งในรูปแบบนี้

อันที่จริงรับหนังได้มากทีเดียว แต่รับได้ในแง่ที่ว่ามันเป็นภาพสะท้อน ที่อิหลักอิเหลื่ออยู่ระหว่างความพาฝันไถ่บาปขำระมลทิน กัยการเปิดเผยความเปราะบางและยากลำบากของการเกิดเป็นคนชั้นกลาง

เอาเป็นว่าพุ่งเป้าไปที่ส่วนสำคัญของเรื่องเลยดีกว่า หลังจากนี้เปิดเผยเนื้อหาส่วนสำคัญของเรื่อง (ถ้าไม่สำคัญจนต้องเปิดเผย จะมีอะไรสำคัญพอที่จะเขียนถึง)



มันเป็นความอิหลักอิเหลื่อทางจริยธรรมมากๆที่ในที่สุดเสือตัดสินใจเอาเงินค่าแต่งงานของตัวเองไปคืนแทนเงินที่กดเกินไป เหมือนกับความอิหลักอิเหลื่อในยคราวแรกที่จิ๊บบอกว่าเธอจะทำเป็นหาคนพวกนี้ไม่เจอ เพราะคนพวกนี้ช่วยชีวิตเธอ (แล้วก็อัดเทปไว้) เราไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทางออกในเรื่้องนี้คืออะไรกันแน่ เพราะเอาเข้าจริงการฟ้องร้องของธนาคารก็อาจจะโหดเหี้ยม แต่นี่ถึงที่สุดเราก็คิดจากมุมของคนชั้นหลางที่คิดแทนคนอื่น วิธีคิดแบบนี้ถึงที่สุดคือเชื่อมั่นว่าตัวเองรักษาสิ่งที่ดีงาม ซึ่งระบบไร้หัวใจได้ทำลายลง ซึ่งในอีกทางหนึ่งใช่หรือไม่ว่านี่เป็นการทำให้ตัวเองได้ล้างมลทินในฐานะคนตามเงินคืน และอันที่จริงก็เป็นความผิดพลาดของธนาคารอีกต่างหาก

เหตุการณ์หลังจบชลบุรี คือความอิหลักอิเหลื่อ แบบที่คิดมาเพื่อเอาใจคนชั้นกลางโดยการวางตัวละครในฐานะของฮีโร่ ซึ่งเคลือบเอาความรู้สึกสำนึกบาปที่พวกเขากระทำต่อคนชั้นล่าง ไว้ เพราะอันที่จริงคนชั้นล่างก็ต้องรับกรรมของตน และพวกเขาไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ การทำให้คนเหล่านี้เป็นผูบิรสุทธิ์ทำให้การช่วยเหลือเป็นการเสียลสละที่ยิ่งใหย่มากขึ้น คนชั้นกลางสองคนแบกรับเอาความผิดพลาดของระบบวางลงบนไหล่ของการแต่งงานของตนเอง การไม่ได้แต่งงาน เลิกกัน หรือลาออก ถึงที่สุดเป็นรูปแบบของการไถ่บาปที่เขาไม่ได้ก่อ แต่แบกรับเอามาเป็นของตัวนั้น เพราะมีแต่การทำแบบนี้จึงทำให้เขาค้นหาคุณค่าความหมายของตัวเองในฐานะของสิ่งมีชีวิตของระบบที่ออกล่าเงินไม่ใช่คน

อย่างไรก็ดีจุดที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้คือส่วนของความสัมพันธ์ของเสือกับจิ๊บ ซ฿่งในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าหนังทำได้ดีในฐานะของมนุษย์ เพราะหนังเรื่องนี้ไม่มีมนุษย์ มีแต่ตัวละครที่มีแคแรกเตอร์ชัดเจน และพุ่งตรงไปตามคาแรกเตอร์นั้น

หากสิ่งที่ดีคือการที่ภาพความสัมพันธ์ของจิ๊บกับเสือ สามารถใช้อธิบายความสัมพันธ์หนุ่มสาวชนชั้นหลางร่วมสมัยที่น่าสนใจมากๆ เงื่อนเขไของพวกเขาคือต้องกระเสือกกระสนในการรักษาสถานะของตัวเองทั้งในฐานะพนักงานของบริษัท และในฐานะมนุษย์เงินเดือน ข้อขัดแย้งสำคัญของตัวละครเลยไม่ใช่เรื่องรักหรือไม่รัก แต่เป็นเรื่องใครจะลาออกจากงานกันแน่ การแกล้งกันไปมาของตัวละครตลอดเรื่องไม่ได้พิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคู่แท้ที่รักกัน แต่พิสูจน์ว่าความรักของพวกเขาคือรูปแบบหนึ่งของเกมที่มีการแต่งงานเป็นด่านสุดท้าย และมีความรักเป็่นข่้ออ้าง เราสามารถรับได้ที่พวกเขาแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตาย (หลายครั้งก็ก้าวล่วงเข้าไปในจุดที่เราถึงกับต้องคิดว่าไอ้นี้ อีนี่มันทำอะไรก้ได้เพื่อชนะ ถ้าเป็นหนังยุโรปบางทีตัวละครจะมาถึงจุดที่พบว่าพวกเขาไม่ได้รักกันหรอก พวกเขาจะเลิกกันเพราะเรียนรู้ด้านมืดของอีกฝ่ายในยามคับขัน แต่แน่นอนเราประนีประนอมกว่านั้น)

ถึงที่สุดความรักของเสือกับจิ๊บจึงยืนอยู่บนฐานของความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่น่าสนใจมาก พวกเขาอาจจะรักกันก็ได้(แม้หนังให้ตัวละครพูดเราก็ยังไม่แน่ใจว่ารักกันจริงไหม) แต่สถาณการณ์ของการเป้นคนชั้นหลางบีบคั้นให้เขาต้องรักษาสถานะอันเปราะบางของตัวเอง คือพร้อมที่จะเด้งออกจากงานเมื่อไหร่ก้ได้ และหารตกงานเท่ากับหายนะ ไม่ใช่ในแง่อดตาย แต่ในแง่ของการสิ้นไร้คุณค่ายึดถือ หรือหนี้สินทั้งหลายที่ใช้ในการขยับฐานะถูกทำลายลงในรอบเดือนที่บิลมาถึง ความรักของพวกเขาจึงยืนอยู่บนพื้นการแข่งขันโดยตัวมันเอง บนพื้นของการดิ้นรนโดยตัวมันเอง เราไม่รู้หรอกว่าจิ๊บกับเสือรักกันมากน้อยแค่ไหน แต่เรารู้ว่าเขาเหนือยยากเพื่อความสัมพันธ์นี้ขนาดไหน ความรักของพวกเขาไม่ได้เป็นความรักแบบเก่าที่มีแต่ความรักเพียวๆอีกแล้ว แต่มีปัจจัยแวดล้อมห้าร้อยล้านอย่างครอบอยู่อีกชั้น

ขอกลับไปที่เทคนิคของหนังเป็นการปิดท้าย เทคนิคแบบมังงะของหนังที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ซัคซี้๊ดนั้นน่าสนใจและพัฒนากลมกลืนไปกับการใช้คนแสดงได้มากขึ้นเรื่อยกล่าวคือลื่นไหลพอจะเล่นมุขที่ที่จริงควรจะเป็นภาพนิ่งสามสี่ช่อง ให้เป็นภาพเคลื่อนไหวได้ การเป็นกึ่งมังงะกึ่งหนังทำให้มันลดทอนความจริงจังลง (ถ้าัมนเป็นหนังจริงจังการแข่งของเสือกับจิ๊จะเป็นเรื่องที่ร้าวรานมากๆในทันที) อย่างไรก็ดี เหมือนกับซัคซี๊ด การตัดเข้าสู่จริยธรรมพร่องพิการประหลาดๆของหนังในช่วงไคลแมกซ์ฏ้ทำลาพลังทีเล่นของมันลงไปเยอะเหมือนกัน และเป็นที่น่าสนใจว่าGTHจะพัฒนา หนังมังงะ ของตัวเองไปได้ไกลสักแค่ไหน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น