ยามเสร็จภารกิจการงานแต่บ่าย ข้าพเจ้าให้ของขวัญชิ้นน้อยกับตัวเองด้วยการบึ่งแมงกะไซด์ไปร้านส้มตำ โค้กขวดน้ำแข็งแก้วส้มตำปู(ไม่ใส่ถั่ว)หนึ่งไก่ย่างไม้ จากนั้นนั่งซดนั่งซัดนั่งซู้ด (แบบว่าเผ็ดจนน้ำมูกน้ำตาไหล)
(สังเกตได้ถึงความเป็นสาวกส้มตำอย่างเข้ากระดูก ข้าพเจ้าจึงคิดหวังมีต้นมะละกอไว้ข้าง ๆ ขนำ)
เรื่องที่จะเล่าครานี้หาเกี่ยวกับส้มตำไม่..แต่เกี่ยวด้วยมะละกอ! บ่ายวันก่อนข้าพเจ้าคว้าหนังสือใส่ย่ามกระทึบคันสตาร์ทคุณแก่คู่ทุกข์คู่ยาก กระตึ๊บไปร่วมสิบทีกว่าจะมีเสียงสำลักออกมา ข้าพเจ้าบิดบรื้อน้ำลายรึก็ออกมาสออยู่ขอบลิ้นกะไว้ว่าจะบดย่อยมะละกอตำกรอบกร้วบแกล้มอักษรที่อ่านค้างให้สบายอุรา ที่ไหนได้! ไปถึงพ่อเจ้าประคุณหยุดขายซะงั้น ถามดูได้ความว่าหยุดพักจะออกไปหามะละกอเสียหน่อย ซ้ำยังชวนข้าพเจ้าไปด้วย ข้าพเจ้ายืนลังเลอยู่สามวิฯ ด้วยอารมณ์ที่ค้างตัวหนังสือ..อยากอ่านต่อ "ไกลมั้ย?" "สี่ห้าโลฯได้เพ่" ข้าพเจ้าจึ่งได้ถูกกระเตงซ้อนท้ายรถพ่วงข้างของสมชายลุยลมทุ่งยามบ่าย ผ่านดงนากุ้งทะลุออกทุ่งนาข้าว เห็นภาพเบื้องหน้าเข้า.. ต้นมะพร้าวเรียงรายดกลูกอยู่สองข้างถนนหลวงก่อนถึงปากทางเล็ก ๆ เลี้ยวเข้าสวนตา มีศาลาหลังย่อมอยู่ปากทาง ทางเข้าสวนร่มรื่นด้วยเงาไม้..ข้างซ้ายเป็นนาข้าวข้างขวาเป็นบ่อเลี้ยงปลา ก่อนถึงเขตเรือนมีร่องน้ำขุดล้อมคันดินเป็นรูปตัวยู อ่า..คงไม่ใช่สินะ ตาคงไม่ได้ร่ำเรียนภาษาอังกฤษมาดอกนา คงจะเป็นรูปตัว บอใบไม้เสียละไม่ว่า สมชายเลี้ยวรภเข้าไปร้องบอกว่า "นั่นไงตา" ตากำลังเงื้อมีดพร้าต่อด้ามฟันวัชพืชอยู่ขอบคูสวน แนวคันดินที่ล้อมด้วยคูน้ำมีมะละกอต้นใหญ่ลูกดกยืนรายเรียง อา..คิดขึ้นมาได้..ยังไม่หุงข้าวเลยขะรับ
แต่ฟังนายสมชาย..อ้อ..ตำแหน่งตามนามบัตร"โอนเนอร์"แผงส้มตำอันข้าพเจ้าเป็นสมาชิกบัตรแพล็ตตินั่มขาประจำนามกรว่า 'สมชาย' ขะรับ
ฟังพระคุณท่านบรรยายถึงว่า จะไปเอามะละกอที่สวนตา แกปลูกไว้เป็นสวนเลย ทำเอาข้าพเจ้าตาลุก ด้วยการจะหาสวนผักสวนผลไม้ในละแวกตำบลนี้ยากเสียกว่าคิดจะหาพริกน้ำปลาในร้านพิซซ่าฮัท ใจรึก็ยังอยากนั่งอ่านหนังสือ แต่อดไม่ได้ถามไปว่า
ถึงยังนิวาสถานอันบุคคลซึ่งสมชายขานนามว่า 'ตา'
ข้าพเจ้าพลันอุทาน(ในใจ) "โอ..แม่จ้าว..นี่มันชีวิตที่ข้าพเจ้ากำลังถวิลหานี่นา
ข้าพเจ้าอุทาน(ในใจ..อีกที) "โอ..แม่จ้าว..นั่นน่ะตัวข้าน้อยในอนาคตเสียเป็นแท้"
ต้องขอตัวไปล้างหม้อหุงข้าวก่อนล่ะ
แล้วจะกลับมาโม้ต่อ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น