น้ำพริกปลาร้าผักบุ้งสดสวัสดิ์ขะรับสหายท่านย่าที่เคารพ
บังเอิญจริงจียว ย่ำค่ำนี้ข้าพเจ้าตั้งใจจะปีนศาลายกป้านชามาคารวะท่านเสียหน่อย ท่านก็โผล่ไปที่กระต๊อบพอดี ที่ได้เวลาคลานสี่ขามาคารวะท่านก็ด้วยทุกอย่างเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ส่งระเบียงฯเรียบร้อย(รายนี้กวนใจที่สุด สำนึกผิดคอยสะกิดอยู่ข้างหลังยิก ๆ เป็นความรู้สึกยากบรรยายจริง ๆ เกือบปีแล้วก็ยังไม่เคยชิน) เกลากระบี่ฯเรียบร้อย(เหลือแต่รอพี่ท่านอานันท์) ย้ายข้าวของไปหนำใหม่(แต่เก่าเก๋ากึ้ก) ยังไม่เรียบร้อย แต่ขนของใช้จำเป็นเข้าที่เรียบร้อย ข้าพเจ้าได้โต๊ะทำงานใหม่ด้วยท่านย่า คือย้ายไปย้ายมาคิดขึ้นได้ว่าเคยมีชั้นเหล็กใช้วางหนังสือ เป็นชั้นทรงสูงมีสี่ชั้น ข้าพเจ้าเอาไมเคิลคล้าวใส่เข้าที่ชั้นสอง วางลำโพงขนาบข้าง ไมเคิลมันหล่อขึ้นผิดหูผิดตาเทียว ชั้นที่เหลือวางหนังสือโดยเฉพาะพจนานุกรม (จากพจนานุกรมฉบับนักเรียนซึ่งเป็นหนี้มุทิตาจิตไม่มีลืมตอนนี้ใช้ฉบับราชบัณฑิตแล้วนะท่าน หวังว่างานเขียนจะเติบกล้าขึ้นตามขนาดพจนานุกรม) ข้าวของข้าพเจ้าเป็นหนังสือเสียโดยมาก การเก็บหนังสือในที่เปิดนั้นแย่จริงท่าน (คิดแล้วให้อิจฉาพลพรรคหนังสือของท่านชะมัด) หนังสือในตู้เย็นข้าพเจ้าเต็มไปด้วยฝุ่น ข้าพเจ้าต้องนั่งเช็ดหมาดเช็ดแห้งทีละเล่มละเล่ม แค่เช็ดหนังสืออย่างเดียวหมดไปเกือบสองชั่วโมง หาใช่หนังสือมากมายอันใดดอกขะรับ แต่ปะผู้ใหญ่วิบูลย์เข้าอดใจไม่ได้ต้องพลิกอ่าน (บั้นต้นตั้งใจไว้ว่าจัดข้าวของเสร็จจะเอามานั่งทบทวนความคิดว่าจะเริ่มตรงไหน..ไปทางไหน..แต่ไหน ๆ ปะแล้ว..อ่านเสียเลย) ท่านเคยอ่านหนังสือที่เป็นมากกว่าหนังสือไหมขอรับ? เป็นหนังสือซึ่งได้รับจากกัลยาณมิตรที่เห็นในดวงจิตเราว่าเราควรมีหนังสือเล่มนั้นไว้ข้างกาย พลิกอ่านทีไรเป็นคิดถึงผู้ให้เสียร่ำไป (มุกนี้ไม่เลวข้าพเจ้าเห็นทีต้องนำไปใช้บ้าง) ยังระลึกถึงพระคุณไม่รู้วายสำหรับไมตรีจิตทุกเล่มที่ได้มา ผู้น้อยชาตินี้ไม่ทราบจะมีปัญญาทดแทนหรือไม่ ได้แต่ตั้งจิตตั้งใจไว้ว่าเกิดชาติหน้าชาติไหนก็จะขอเป็นสหายท่านทุกชาติไป แลขอตามอ่านหนังสือของท่านเรื่อยไป ขณะที่อ่านผู้ใหญ่วิบูลย์ไปก็รำพึงไป(เอ่..ไปชักจะมากไปหน่อนละกระมัง) "อันตัวข้าน้อยนี้ช่างโชคดีกระไรที่บังเอิญพานพบท่าน อยู่รึไกลปืนเที่ยงก็ปานนั้นยังมีหนังสือดี ๆ ให้อ่าน" คิดได้เช่นนั้นก็พลันปลื้มเปรมใจในความมีโชคของตนนัก ให้เวลาหมั่นไส้สองนาที ติ๊ก.. ติ๊ก.. เมื่อช่วงเวลาลังเลพ้นผ่าน ใจคอค่อยสบายขึ้น ต่อนี้คงได้กิจวัตรเดิม ๆ กลับคืนมา เคยตั้งใจว่าจะใช้เวลาหัวค่ำเขียนร้อยกรองวันละบท เคยทำได้ช่วงสั้น ๆ ที่เหลาท่าน เพราะยามนั้นการจะรักษาจังหวะคงเส้นคงวาสำหรับข้าพเจ้านั่นยากเป็นกำลัง ถึงยามนี้คงหาได้ง่ายดายขึ้นแม้สักกระผีกแต่ขำวันละขันของท่านให้บทเรียนที่ดีนัก แค่วันละบท บัดเดี๋ยวก็เดือนหนึ่ง..ได้ร้อยกรองสามสิบบท อา..นั่นธรรมดาเสียเมื่อไร! งานต่อไปคือเกลารุกฆาตต่อ เพราะเป็นเวลาเหมาะสมแล้วที่จะปรับปรุง(ดองไว้ครบปีพอดี) แต่ไม่ต้องสะดุ้งใจขะรับ ครานี้คิดว่าจะไม่รบกวนสหายเพราะหากทำเช่นนั้นเกรงว่าเหล่าสหายจะตระหนักขึ้นมาได้ว่าเป็นเวรกรรมเสียเหลือประมาณที่ดันมาคบหาข้าพเจ้า นอกจากไม่เคยกระทำสิ่งใดให้มิ่งมิตรเอมใจยังเอาตัวอักษรไม่เป็นโล้เป็นพายมายัดเยียดให้ละลายสายตาอยู่นั่นแล้ว ได้รับทราบปณิธานของท่านให้ครึ้มใจนัก เป็นความยินดีที่ได้รู้ว่าเราหาได้เดินดุ่มอยู่คนเดียว บางทีสิ่งที่เราต้องการมีเพียงใครสักคนที่จะคุยด้วยและรู้ว่าเขาเต็มใจฟังเรื่องราวของเรา ไม่ดูแคลนไม่อคติ แค่นี้โลกก็น่าอยู่แล้ว ข้าพเจ้าหาได้ดุ่มเดินไปก่อนหน้าท่านดอกขะรับ เราก็เดินไปด้วยกัน เพราะสิ่งนั้นเป็นวิถีที่อยู่ในจิตใจหาได้อยู่ที่รูปแบบ ไม่ว่าจะดำรงชีวิตในสภาพแวดล้อมใด เรายังสามารถก้าวเดินไปบนมรรคาแห่งธรรมได้เสมอ เพียงข้าพเจ้านั้นคงทำบุญมาน้อยสมาธิจึงได้อ่อนสาหัสเอาการอยู่ เพียงแค่กำหนดจิตปัจุบันขณะยังเป็นเรื่องยากเย็นเข็นใจ จิตลอยเสียร่ำไป ยามอาบน้ำเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เขียน ยามแปรงฟันก็คิดแต่เรื่องที่เขียน ตอนกินข้าว..ท่านคงเดาถูกว่าข้าพเจ้าคิดเรื่องอะไร?..พอนั่งลงเขียน..กลับไปคิดถึงอาบน้ำเสียนี่ จึ่งจำต้องอาศัยเพือนบ้านพวกงู ตะขาบช่วยกำราบ ยามจะย่างจะก้าวจะได้หมั่นฝึกรู้ตัวให้ทั่วให้พร้อมไม่เช่นนั้นคงเจอดี ถึงกระนั้น ข้าพเจ้าก็ยังติด ๆ หลุด ๆ วันละร้อนหนเทียวขะรับท่านย่า เอ่..แต่ว่า..หากท่านจะยกให้ข้าพเจ้าเดินไปก่อนก็คงไม่เลวนะขะรับ เพราะมักจะได้ยินว่างูมันชมชอบกัดคนข้างหลัง! เอาล่ะ..ได้เวลาอ่านหนังสือ อ่านจนคอแห้งแล้วใช่ไหม?...ดื่มชาขะรับ
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ค่ำพรุ่งผู้น้อยจะมาเป็นคำสัมผัส
คารวะ
หลานดิลล์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น