onopen.com

“นักเขียนอมตะ” ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๙-๒๕๕๐

คำประกาศเกียรติคุณ
นายโกวิท เอนกชัย (เขมานันทะ)
ผู้ได้รับรางวัล “นักเขียนอมตะ” ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๙-๒๕๕๐

คณะกรรมการพิจารณารางวัล “นักเขียนอมตะ” มีมติว่า อาจารย์โกวิท เอนกชัย หรือ “เขมานันทะ” เป็นผู้สมควรได้รับรางวัลเกียรติยศ “นักเขียนอมตะ” ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๙-๒๕๕๐

อาจารย์โกวิท เอนกชัย เป็นกวี นักคิด นักเขียน จิตรกรและประติมากร ผู้สร้างสรรค์ผลงานหลากหลายรูปแบบ ต่อเนื่องยาวนานมาเป็นเวลาเกือบ ๔๐ ปี ผลงานวรรณกรรมกว่า ๖๐ เล่ม นำเสนอเรื่องราวของชีวิต จิตใจ ความลึกซึ้งของการเป็นมนุษย์ การเรียนรู้จิตใจตนเองและคนรอบข้าง การมองโลก มองสังคม มองการเปลี่ยนแปลงที่หมุนเคลื่อนอยู่ในวิถีวัฒนธรรม ด้วยการตั้งข้อสังเกตอย่างลุ่มลึก ล่วงพ้นไปจากพรมแดนของเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม
ในวิถีของนักเขียน กวี และวิปัสสนิกผู้ปฏิบัติธรรมในทุกขั้นตอนของชีวิต งานสร้างสรรค์ทางศิลปะทุกแขนงของอาจารย์จึงเป็นหนึ่งเดียวกับวิถีแห่งการปฏิบัติภาวนาอย่างชัดแจ้ง ลักษณะเด่นของผลงานนอกจากจะมีมิติกว้างไกลในด้านศิลปะ นิเวศวิทยา มานุษยวิทยา ให้ความรู้ลุ่มลึกในหนทางพุทธประเพณีของวัฒนธรรมไทยแล้ว ยังให้ความเข้าใจลึกซึ้งต่อชีวิตและแก่นของชีวิตอีกด้วย

นอกจากนี้อาจารย์ยังเป็นนักตีความวรรณกรรมผู้มุ่งตรงไปสู่การไขความสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในมหากาพย์ วรรณกรรม วรรรณคดี นิทานชาดก และนิทานพื้นบ้าน ซึ่งเป็นการตีปริศนาธรรมของการเดินทางไกลแห่งชีวิตกับแนวคิดทางพุทธศาสนาอย่างมีหลักเกณฑ์ งานตีความจึงเป็นดั่งสะพานเชื่อมต่อหนทางของบรรพชนให้ทอดยาวสู่อนุชน เพื่อคนรุ่นปัจจุบันจักได้เหลียวมองวรรณกรรมเก่าในมิติใหม่และร่วมสืบสานสมบัติทางปัญญานี้ให้กระจ่างแจ้งต่อไป ผลงานหลายเล่มเป็นการมองการเปลี่ยนแปลงที่หมุนเคลื่อนอยู่ในวิถีวัฒนธรรมด้วยการตั้งข้อสังเกตไว้อย่างลึกซึ้ง โดยมุ่งหวังให้คนอยู่รวมกันและร่วมกันในสังคมโลกด้วยศานติ – ไมตรี

ในท่ามกลางกระแสที่อาจารย์เรียกว่า “วัฒนธรรมแห่งการปรนเปรอบริโภคทางอินทรียประสาทและการหยิ่งผยองในวิทยาการ” นั้น ผลงานของอาจารย์โกวิท เอนกชัย กระตุ้นเตือนมนุษย์ให้ตระหนักรู้ถึงการร่วมชะตากรรมอยู่ในโลกเดียวกันด้วยความรัก ความปรานี บนเส้นทางสู่ความรู้แจ้งแห่งตน
จึงกล่าวได้ว่าอาจารย์โกวิท เอนกชัย เป็นต้นแบบของนักเขียนที่มีผลงานอันสมควรได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็น “นักเขียนอมตะ”

ประกาศ ณ วันอังคารที่ ๑๘ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๕๐
............................
คณะกรรมการ
ศาสตราจารย์ คุณหญิงแม้นมาส ชวลิต
ประธานกรรมการ

นายล้อม เพ็งแก้ว
กรรมการ

รองศาสตราจารย์ เฉลียว พันธุ์สีดา
กรรมการ

นางชมัยภร แสงกระจ่าง
กรรมการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ตรีศิลป์ บุญขจร
กรรมการ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วีระ สมบูรณ์
กรรมการ

นายภิญโญ ไตรสุริยธรรมา
กรรมการและเลขานุการ

..........................

ประวัติ นายโกวิท เอนกชัย (เขมานันทะ)
ชื่อ นายโกวิท เอนกชัย
นามปากกา เขมานันทะ รุ่งอรุณ ณ. สนธยา ฉับโผง สหัสนัยน์ กาลวิง (แปลว่านกกระจอก : สำหรับงานวิเคราะห์และวิจารณ์) และ มุนีนันทะ (หนังสือ สุดปลายแผ่นดินโลก)

ประวัติชีวิตส่วนตัว
วันเดือนปีเกิด เกิดวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๑
สถานที่เกิด อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ที่อยู่และที่ทำงาน บ้านเลขที่ ๗/๓๒๕ หมู่บ้านบัวขาว ถนนรามคำแหง เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร โทร. ๐-๒๕๑๗-๓๒๗๑

ประวัติการศึกษา
ระดับประถมศึกษา โรงเรียนวัดชะแม อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ระดับมัธยมศึกษา โรงเรียนมหาวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา
ระดับเตรียมอุดมศึกษา โรงเรียนอำนวยศิลป์ จังหวัดพระนคร
ปริญญาตรี คณะมัณฑนศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากร พ.ศ. ๒๕๐๗

ประวัติการทำงาน

พ.ศ. ๒๕๐๘-๒๕๑๐
รับราชการประจำวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพมหานคร สอนวิชาความซาบซึ้งในศิลปะ

พ.ศ. ๒๕๑๐-๒๕๑๔
บวชและศึกษาปฏิบัติธรรมอยู่กับท่านพุทธทาสภิกขุ สวนโมกขพลาราม ขณะอยู่ในสมณเพศ ได้รับผิดชอบบุกเบิกค้นคว้าผลิตงานด้านศิลปะไทยจำนวนมาก สืบสานบทกวีและจิตรกรรมโบราณของไทย เพื่อประดับตกแต่งโรงมหรสพทางวิญญาณในสวนโมกขพลาราม ซึ่งยังปรากฏหลักฐาน สามารถใช้งานสอนธรรมะสืบต่อมาได้ถึงปัจจุบัน ได้จาริกแสวงบุญ พร้อมกับเขียนหนังสือเกี่ยวกับธรรมะ เรื่องราวของแง่มุมต่างๆของชีวิต ศิลปะ วรรณกรรม และกวีนิพนธ์จำนวนมาก

พ.ศ. ๒๕๑๔-๒๕๑๕
ปฏิบัติธรรมเพียงลำพังในถ้ำเขาหินดำ จังหวัดสงขลา และไปเป็นอาจารย์บรรยายธรรมะ อยู่ที่วัดชลประทานรังสฤษฏ์ จังหวัดนนทบุรี
เป็นวิทยากรบรรยายงานวิชาการหัวข้อ “วรรณกรรมในมุมมองทางจิตวิญญาณ” ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ กรุงเทพมหานคร

พ.ศ. ๒๕๑๖
ก่อตั้งสำนักสงฆ์ “หาดแก้ว” ที่จังหวัดสงขลา เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมและเจริญภาวนาทางด้านจิตวิญญาณ

พ.ศ. ๒๕๑๘
รับผิดชอบวางแผนและร่วมจัดงานสัมมนาระดับชาติ ในประเด็นทางด้าน “พุทธศาสนากับสังคม” ที่สำนักสงฆ์หาดแก้ว จังหวัดสงขลา
เป็นวิทยากร เสนองานวิชาการหัวข้อ “เอกภาพของสรรพสิ่ง The Unity of All Subjects” ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร

พ.ศ. ๒๕๑๙
ก่อตั้งมูลนิธิ “อริยาภา” เพื่อเผยแพร่พุทธธรรม ส่งเสริมศิลปะ การศึกษา วัฒนธรรมอันดีงาม และสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประพฤติธรรมและเยาวชน เพื่อทดลองการใช้ชีวิตและฝึกปฏิบัติธรรมร่วมกันในรูปแบบที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน

พ.ศ. ๒๕๑๙-๒๕๒๐
จาริกแสวงบุญ และศึกษาทางด้านธรรมะ ศิลปะ วัฒนธรรม ในประเทศอินเดีย เนปาล ศรีลังกา พม่า

พ.ศ. ๒๕๒๐-๒๕๒๒
ปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์หาดแก้ว จังหวัดสงขลา
เป็นอาจารย์สอนการปฏิบัติสมาธิ ที่วัดผาลาด เชียงใหม่
จาริกแสวงบุญ และบรรยายธรรมะ ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ที่ประเทศ อังกฤษ เยอรมนีตะวันตก อิตาลี สวีเดน
จัดงานนิทรรศการทางด้านศิลปะ ในกรุงเทพมหานคร เพื่อหาทุนช่วยเหลือเด็กพิการ

พ.ศ. ๒๕๒๒-๒๕๒๕
ดำเนินการก่อตั้งและดูแล “อาศรมนวชีวัน” ที่ จังหวัดสงขลา เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของเยาวชนคนหนุ่มสาวในการปฏิบัติธรรม การเรียนรู้ทางด้านจิตวิญญาณ ศิลปะ และวัฒนธรรมไทย
แนะนำฝึกฝนการปฏิบัติธรรม ให้กับชาวบ้านในพื้นที่รอบอาศรมนวชีวัน
จัดโครงการคลินิกดูแลสุขภาพชาวบ้านภาคใต้รอบอาศรมนวชีวัน โดยการสนับสนุนจากคณะนักศึกษาแพทย์ จากมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เข้าร่วมการปฏิบัติธรรมในอาศรมนวชีวัน
จัดโครงการนำนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยในกรุงเทพมหานคร และมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่เป็นเด็กชาวเมือง ที่มาปฏิบัติธรรมที่อาศรมนวชีวัน ให้ได้เข้าไปในหมู่บ้านของชาวบ้านภาคใต้รอบอาศรมนวชีวัน เพื่อให้นักศึกษาได้รู้จักและแลกเปลี่ยนความรู้กับชาวบ้าน ได้เรียนรู้ชีวิตชาวนาภาคใต้ การทำเกษตรกรรม การทำประมง และวัฒนธรรมท้องถิ่นภาคใต้ ทั้งหนังตะลุง มโนห์รา และมหรสพดนตรีพื้นเมืองของชาวบ้าน
จัดโครงการปฏิบัติธรรม ฝึกฝนให้กับนักศึกษา พระภิกษุ และผู้สนใจทั่วไป

พ.ศ. ๒๕๒๕
ได้รับเชิญจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ให้ไปเป็นอาจารย์บรรยายความรู้ในประเด็น พุทธศาสนาและวัฒนธรรมไทย ให้กับกลุ่มผู้สนใจที่เข้ามาศึกษาในมหาวิทยาลัย ดังเช่นกลุ่ม Singapore Zen Group
เข้าร่วมแสดงผลงานศิลปะ ในการแสดงงานนิทรรศการทางด้านศิลปะที่ Zen House ประเทศสิงคโปร์
บรรยายธรรมะและฝึกฝนการปฏิบัติภาวนา ให้กับกลุ่มผู้ศึกษาปฏิบัติธรรม ในประเทศออสเตรเลีย
ลาสิกขาเมื่อปลายปี พ.ศ. ๒๕๒๕ แต่ยังคงสอนธรรมะและปฏิบัติภาวนาอยู่ตลอดมา

พ.ศ. ๒๕๒๖
เป็นอาจารย์สอนวัฒนธรรมไทยและ สอนวิชา “Symbolism in Art and Spirituality” ที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ระหว่างนี้ได้เขียนกวีนิพนธ์เป็นภาษาอังกฤษ เผยแพร่ทั้งในไทยและในต่างประเทศ ชื่อหนังสือ The Valley ซึ่งได้รับการกล่าวถึงและแนะนำในหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ เช่นหนังสือพิมพ์ชั้นนำของสิงคโปร์ที่ชื่อ STRAIT TIMES
จัดตั้งกลุ่มศึกษาปฏิบัติธรรมในกรุงเทพมหานคร ประสานงานกับเจ้าหน้าที่อาศรมนวชีวัน ที่จังหวัดสงขลา และจัดกิจกรรมฝึกฝนปฏิบัติภาวนาให้กับกลุ่มนักศึกษาและผู้ทำงานศิลปะ

พ.ศ. ๒๕๒๗-๒๕๒๘
เข้าร่วมในการประชุมทางด้านศาสนธรรมและจิตวิญญาณ และเป็นคุรุผู้ดูแลฝึกฝนกลุ่มปฏิบัติภาวนา ที่Bad Boll Evangelische Akademie ที่ประเทศเยอรมนีตะวันตก
ได้รับเชิญให้ไปสอนการปฏิบัติภาวนาและแสดงนิทรรศการภาพศิลปะที่ Heimvolkshochshule Lindelhof in Bethel Village เมืองบีเลเฟล ประเทศเยอรมนีตะวันตก
เป็นคุรุผู้อบรมการปฏิบัติภาวนาที่ Theosophical Faculty of Botevonbethel, Bethel Village เมืองบีเลเฟล ประเทศเยอรมันตะวันตก
แสดงนิทรรศการงานศิลปะที่ เมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
บรรยายธรรมะ ที่วัดกัมพูชา ในเมืองซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
เป็นคุรุอบรมการปฏิบัติภาวนาที่เมืองเทชีโน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พ.ศ. ๒๕๒๙-๒๕๓๐
เข้าร่วมในการประชุมระหว่างประเทศ ในหัวข้อ พุทธศาสตร์ศึกษา ที่กรุงไทเป ไต้หวัน
บรรยายธรรมะจากรากฐานวัฒนธรรมไทย และฝึกสอนการปฏิบัติธรรมในหลายสถานที่ ให้แก่หลากหลายองค์กรในประเทศไทย

พ.ศ. ๒๕๓๐-๒๕๓๒
เข้าร่วมเป็นวิทยากรในงานสัมมนาและการประชุมหัวข้อ “The Supreme Being in Religions” และการประชุมเรื่องศิลปะและสันติภาพที่ธรรมสถานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เป็นองค์ปาฐกในงานประชุม “Conference on Insight Meditation” ที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กรุงเทพมหานคร

พ.ศ. ๒๕๒๙-๒๕๓๓
เป็นวิทยากรรับเชิญ สอนนักศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ทางด้านศิลปะและวัฒนธรรมเปรียบเทียบ ทั้งไทย ตะวันออก ตะวันตก ศาสนาเปรียบเทียบและจิตวิทยาคลินิก ที่มหาวิทยาลัยมหิดล และมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร
พ.ศ.๒๕๓๓
เป็นอาจารย์พิเศษ สอนนักศึกษาระดับปริญญาโทและปริญญาเอกที่มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร
เป็นวิทยากรรับเชิญ บรรยายความรู้ทางด้านสุนทรียภาพ ให้กับคณาจารย์และนักศึกษา คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้รับเชิญให้เป็นวิทยากรบรรยายธรรม ศิลปะ และวัฒนธรรมเปรียบเทียบ และสอนการปฏิบัติภาวนาเป็นประจำที่ธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้รับเชิญให้เข้าร่วมในการประชุมทางวิชาการหัวข้อ “Religion into Twenty-First Century” ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

พ.ศ. ๒๕๓๔
เดินทางไปสหรัฐอเมริกาเป็นวิทยากรบรรยายความรู้ในหัวข้อ “Religion and Rapid Cultural Change : A Buddhist Perspective”
เป็นวิทยากร ที่ Swartmore College, University of Pensylvania และในอีกหลายเมืองในสหรัฐอเมริกา
จัดหลักสูตรและอบรมการปฏิบัติธรรมที่วัดไทยในเมืองเซนต์หลุยส์และชิคาโก ที่วัดจวงเหยียนในเมืองคาเมล มลรัฐนิวยอร์ก และในอีกหลายสถานที่

พ.ศ. ๒๕๓๕-๒๕๓๙
ทำงานจิตรกรรม สอนการปฏิบัติภาวนา เป็นอาจารย์พิเศษสอนนักศึกษา เขียนหนังสือ และตีพิมพ์ผลงานจำนวนมากทั้งทางด้านบทกวี วรรณกรรม บทความเชื่อมโยงเปรียบเทียบทางด้านศิลปะ ศาสนา และวัฒนธรรม อันเป็นรากฐานของสังคมไทย และนำเสนอควาคิดเห็นทางด้านการเปลี่ยนแปลงของพุทธศาสนาและวัฒนธรรมในสังคมไทยทางสื่อสิ่งพิมพ์ รายการโทรทัศน์ และรายการวิทยุจำนวนมาก เขียนบทความประจำทางด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมไทยในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ พร้อมไปกับการเขียนบทกวี ลำนำ ทางด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม การเปลี่ยนแปลงทางสังคม และประเด็นร่วมสมัยต่างๆในสังคมไทย

พ.ศ. ๒๕๔๐-๒๕๔๑
เป็นวิทยากรประจำทุกเดือนในรายการ พบเขมานันทะ จัดโดยธรรมสถาน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

พ.ศ. ๒๕๔๑
ได้รับเชิญจากองค์กร The Buddhist Association of the United States เมืองคาเมล มลรัฐนิวยอร์ก ให้ไปจัดหลักสูตรสอบรมภาวนาที่วัดจวงเหยียน สหรัฐอเมริกา
เป็นวิทยากรบรรยายธรรมะและศิลปวัฒนธรรมเปรียบเทียบตะวันออก-ตะวันตกเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ที่สหรัฐอเมริกา
เป็นคุรุดูแลฝึกฝนผู้เข้าร่วมอบรมการปฏิบัติภาวนาที่ Dharmarama Temple ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
บรรยายธรรมะ ที่วัดพุทธ ที่บรองซ์ มลรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
เป็นวิทยากรบรรยาย พร้อมฉายภาพสไลด์ด้านศิลปะและวัฒนธรรมไทย ที่ New York Buddhist Church, Jodoshinshu Temple มลรัฐนิวยอร์ก
จัดหลักสูตรอบรมภาวนา ปฏิบัติธรรมที่ Dharmarama Temple ชิคาโก สหรัฐอเมริกา
จัดหลักสูตรอบรมภาวนาปฏิบัติธรรม และบรรยายธรรมะศาสนาเปรียบเทียบอีกหลายครั้งทุกวันอาทิตย์ที่ Sri Ratanarama Temple เมืองเซนต์หลุยส์
บรรยายธรรมะศาสนาเปรียบเทียบ ในรายการวันอาทิตย์ที่ Buddhayanandaram Temple เมืองลาสเวกัส
เมื่อกลับมาประเทศไทย ได้รับเชิญให้ไปอ่านบทกวี In Praise of the Mother Earth ในพิธีเปิดกิจกรรมธรรมยาตราเพื่อทะเลสาบสงขลา ที่จังหวัดสงขลา

พ.ศ. ๒๕๔๒-ปัจจุบัน
สร้างสรรค์งานศิลปะ จิตรกรรม บทกวี บทความ บทบรรยายธรรม วรรณกรรม กวีนิพนธ์ มีหนังสือตีพิมพ์ออกมาเป็นประจำทุกปีติดต่อกันโดยสำนักพิมพ์ศยาม สำนักพิมพ์อมรินทร์ สำนักพิมพ์พิมพ์คำ และสำนักพิมพ์สุขภาพใจ งานเขียนชุด จากดักแด้สู่ผีเสื้อ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์เคยได้รับรางวัลที่ ๒ ของหนังสือประเภทสารคดี จากการประกวดหนังสือดีเด่นรางวัล “เซเว่นบุ๊ค อวอร์ด” ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๔๗
ผลงานหนังสือของอาจารย์โกวิท เอนกชัย (เขมานันทะ) ศาสตราจารย์ ดร.สดชื่น ชัยประสาธน์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ใช้ประกอบการวิจัยเรื่อง “วรรณกรรมและจิตรกรรมแนวเซอร์เรียลลิสม์ในประเทศไทย” เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๙

ประวัติการสร้างสรรค์ผลงาน
หนังสือเล่มแรกของอาจารย์โกวิท เอนกชัย (เขมานันทะ) เริ่มปรากฏต่อสาธารณชนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ จากนั้น อาจารย์ได้ทำงานเขียนต่อเนื่องมายาวนานถึงบัดนี้ เป็นเวลาถึง ๓๗ ปี ประสบการณ์ ทางด้านการศึกษาปฏิบัติธรรมได้เรียนรู้โดยตรงจากท่านพุทธทาสภิกขุ และหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ได้เดินทางแสวงหาความรู้ความเข้าใจทางด้านศิลปะและวัฒนธรรม แลกเปลี่ยนความรู้ความคิดเห็นกับชาวบ้าน ชาวนา ชาวประมง นักศึกษา ปัญญาชน ผู้คนหลากหลายอาชีพทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทั้งผู้คนจากเอเชีย ยุโรป ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา รวมทั้งการได้เดินทางตั้งแต่ช่วงเป็นพระธุดงค์ เดินทางไปปฏิบัติธรรม บรรรยายธรรมะในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย และเมื่อลาสิกขาแล้ว ก็ได้รับเชิญให้เดินทางไปบรรยายธรรมะ จัดหลักสูตรอบรมภาวนา บรรยายความรู้ทางด้านศาสนาเปรียบเทียบระหว่างประเทศไทย โลกตะวันออก และโลกตะวันตก สิ่งเหล่านี้เป็นรากฐานทรัพยากรสูงค่า ให้มีมุมมองกว้างไกล และลึกซึ้งอย่างยิ่งในศิลปะ ศาสนาและวัฒนธรรมไทยมีความเป็นสากลหลากหลาย สิ่งเหล่านี้อาจารย์ได้ถ่ายทอดลงในงานเขียนทุกรูปแบบอย่างเต็มที่ ทั้งยังทำงานเขียนมายาวนานต่อเนื่อง ผลงานมีมุมมองพิเศษและลุ่มลึกในทางจิตวิญญาณ จากรากฐานศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมไทย อันเปิดกว้างสู่ความเป็นสากลนี้ ทำให้มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติหลากหลายรุ่นชน หลากหลายอาชีพ สนใจงานเขียนและทัศนะทุกด้านของอาจารย์มาโดยตลอดหลายทศวรรษมาแล้วที่ผู้อ่านได้รับทั้งความรู้ ความเข้าใจ และทัศนะอันลุ่มลึกต่อชีวิต จากผลงาน หลากหลายของอาจารย์ ทั้งในงานกวีนิพนธ์ วรรณกรรม บทความทางศาสนา วิชาการ และงานปาฐกถาธรรม
ลักษณะเด่นในงานวรรณกรรมและงานธรรมบรรยายทั้งหมดของอาจารย์นั้น นอกจากจะมีมิติกว้างไกลทั้งทางด้านศิลปะ นิเวศวิทยา มานุษยวิทยา ให้ความรู้ลุ่มลึกในหนทางพุทธประเพณีของวัฒนธรรมไทยแล้ว ภาษาที่อาจารย์เลือกใช้ก็มีความคมคาย ไพเราะ กินใจอย่างยิ่ง แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ความเข้าใจลึกซึ้งต่อชีวิตและแก่นของชีวิตที่เปิดเผยอยู่ในหนังสือเล่มต่าง ๆ ของอาจารย์ ล้วนเป็นประสบ การณ์ตรงที่อาจารย์ได้รับจากการปฏิบัติภาวนามายาวนานหลายสิบปี และยังปฏิบัติอยู่ทุกขณะในชีวิตประจำวัน
ผลงานของอาจารย์ส่วนใหญ่ มีเนื้อหาแสดงให้เห็นถึงทัศนะต่างๆ ต่อชีวิต ศาสนธรรม โลก จักรวาล การงาน และความรัก ไว้อย่างลุ่มลึกงดงาม ด้วยเนื้อหาและภาษาอันสงบวิเวก
ผลงานของอาจารย์มีทั้งที่เป็นวรรณกรรมโดยตรง เช่น หนังสือ สุดปลายแผ่นดินโลก ซึ่งเป็นการประสานความเข้าใจระหว่างศาสนาพุทธ คริสต์ และศาสนาโบราณในแผ่นดินทะเลทรายอาหรับ หรือบทกวีอันไพเราะลึกซึ้งด้วยมิติทางพุทธธรรมและประเพณีไทย เช่น สองสามคำรำพึงถึงสายธาร ภาพประพิมพ์ ประพาย แต่ผลงานที่โดดเด่นมากที่สุด คือ การนำเสนอแนวคิดในการอ่านและตีความวรรณกรรมพื้นบ้านไทย ในหนังสือ เค้าขวัญวรรณกรรม และการเข้าใจมิติลึกซึ้งทางพุทธศาสนาในวรรณกรรมจีนที่แพร่หลายในสังคมไทยเรื่อง ไซอิ๋ว ที่อาจารย์ได้อธิบายความลุ่มลึกเทียบเคียงระหว่างเห้งเจียในไซอิ๋ว หนุมานในรามเกียรติ์ และแนวคิดพุทธศาสนาในไซอิ๋วเอาไว้อย่างละเอียดในหนังสือ เดินทางไกลกับไซอิ๋ว หรือ ลิงจอมโจก
เนื้อหาของ เค้าขวัญวรรณกรรม เดินทางไกลกับไซอิ๋ว หรือลิงจอมโจก มุ่งตรงไปสู่การไขความสัญลักษณ์ต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในมหากาพย์ วรรณคดี วรรณกรรม และนิทานชาดกหลายเรื่อง ดังเช่นมหากาพย์กิลกาเมศ มหาภารตยุทธ์ รามายณะ ไซอิ๋ว สังข์ทองชาดก สุธนชาดก ฯลฯ ทั้งหมดมีเนื้อหาหลากหลาย เพิ่มลดตัดทอนไปตามแต่ละวัฒนธรรมหากเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ล้วนเกี่ยวพันกับการเดินทางภายในจิตวิญญาณมนุษย์ และปรีชาญาณของบรรพชน
ผลงานของอาจารย์เขมานันทะสร้างสรรค์ขึ้นในหลากหลายรูปแบบ ทั้งกวีนิพนธ์ วรรณกรรม สารคดี บทความ บทความวิชาการเกี่ยวกับวัฒนธรรม ศิลปะ และภูมิปัญญาไทย อาจารย์ทำงานเขียนต่อเนื่องยาวนานมาถึง ๓๗ ปี และยังทำอยู่ มีผลงานตีพิมพ์ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นับจำนวนหนังสือที่อาจารย์เขียนออกมายาวนานนี้ได้มากกว่า ๖๐ เล่มแล้ว มีรายชื่อดังนี้



เพลงปราโมทย์ของเซ็น (๒๕๑๓)
ธรรมะหรรษา (๒๕๑๔)
ระเหเร่ร่อน (๒๕๑๖)
เดินทางไกลกับไซอิ๋ว (๒๕๑๗,๒๕๓๑)
แด่ประชาชนชาวสยาม (๒๕๑๗)
ชีวิตคุณมีเพียงขณะเดียว (๒๕๑๗)
ปาฐกถา ๖ เล่ม ชุดธรรมะกับชีวิต (๒๕๑๘)
สุดปลายแผ่นดินโลก (๒๕๑๘)
โลกดนตรี (๒๕๑๙)
ศานติไมตรี (๒๕๑๙)
รอบกองไฟ (๒๕๒๐)
แสงไฟในหุบเขา (๒๕๒๐)
ประกายไฟกลางสายธาร (๒๕๒๐)
กงล้อแห่งกาละ (๒๕๒๑)
ธารน้ำพุ (๒๕๒๒)
บันทึกจากบ้านดง (๒๕๒๒)
แด่มิตรผู้แสวงหาความรัก (๒๕๒๒)
รหัสแห่งความรัก (๒๕๒๓)
โพล้เพล้เพลา (๒๕๒๔)
แสงดาวและคนเดินทาง (๒๕๒๖)
The valley (๒๕๒๖)
สองสามคำรำพึงถึงสายธาร (๒๕๒๖)
เริงรำฉ่ำเดือนฉาย (๒๕๒๗)
แรมรายคืน (๒๕๒๘)
เค้าขวัญนิทานไทย (๒๕๒๙)
ตามนก (๒๕๒๙)
ดั่งสายน้ำไหล (๒๕๓๒,๒๕๔๔)
ไตร่ตรองมองหลัก (๒๕๓๓)
หิ่งห้อย (๒๕๓๓)
โลกคือครอบครัวเดียว (๒๕๓๓)
ฟ้าใกล้แผ่นดินไกล (๒๕๓๔)


ช่วงชีวิตช่วงภาวนา (๒๕๓๖,๒๕๔๔)
สุขหรือเศร้าก็เท่านั้น (๒๕๓๖)
เตกูวากัน (๒๕๓๗)
อันเนื่องกับทางไท (๒๕๓๘)
พฤษภาผ่าน (๒๕๔๐)
จากหิมาลัยถึงแอลป์ (๒๕๔๐)
ลิงจอมโจก (๒๕๔๐, ๒๕๔๗)
Know not a thing (๒๕๔๐)
บุรีแห่งบรมพุทโธ (๒๕๔๐)
ธรรมวิทรรศน์ (๒๕๔๑)
แผ่นดินดับ (๒๕๔๓)
ทะเลสาบสงขลา (๒๕๔๓)
ไตร่ตรองมองหลัก (ฉบับปรับปรุงใหม่ ๒๕๔๓)
เค้าขวัญวรรณกรรม (ฉบับปรับปรุงใหม่ ๒๕๔๓)
ภาพประพิมพ์ประพาย (๒๕๔๓)
นิราศยุโรป (๒๕๔๓)
นิราศหิมาลัย (๒๕๔๓)
จากดักแด้สู่ผีเสื้อ (๒๕๔๓)
กุศลเสน่หา (๒๕๔๓)
ชีวิตกับความรัก (ฉบับปรับปรุงใหม่ พิมพ์ครั้งที่ ๗, ๒๕๔๔)


เพลงปราโมทย์ของเซ็น (ฉบับปรับปรุงใหม่ ๒๕๔๔)
เปลวไฟกลางสายธาร (ฉบับปรับปรุงใหม่ ๒๕๔๔)
ดวงตาแห่งชีวิต (๒๕๔๕, ๒๕๔๘)
เพียงรักและตระหนักรู้ (๒๕๔๖)
เนื่องในความงาม (๒๕๔๖)
ลิงจอมโจก (พิมพ์ครั้งที่ ๒, ๒๕๔๗)
สืบสายธารน้ำพระทัยพระศาสดา (๒๕๔๗)
จิตสถาปนา ธรรมะสถาปนา (๒๕๔๗)
รุ่งอรุณแห่งความรู้สึกตัว (๒๕๔๘)

ทะเลสาบแห่งหัวใจ(๒๕๕๐)
ปรีชาญาณของผู้ไม่รู้หนังสือ (๒๕๕๐)


มีหนังสือของอาจารย์ที่อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดพิมพ์ ทั้งหนังสือใหม่ และหนังสือที่นำมาตีพิมพ์ซ้ำ อีกมากกว่า ๑๐ เล่ม เช่น ทางทรายใกล้ทะเลสาบ : อัตประวัติช่วงแสวงหามายาชีวิตของเขมา นันทะ, สุดปลายแผ่นดินโลก (ตีพิมพ์ซ้ำ), ชีวิตคุณมีเพียงขณะเดียว (ตีพิมพ์ซ้ำ), ปาฐกถาชุดธรรมะกับชีวิต (ตีพิมพ์ซ้ำ) และงานเขียนใหม่อีกหลายเล่ม (แต่ยังไม่ลงตัวในเรื่องชื่อหนังสือ) ที่ดำเนินการจัดพิมพ์อยู่ในขณะนี้

รางวัลและเกียรติคุณที่ได้รับ
ศิษย์เก่าดีเด่น มหาวิทยาลัยศิลปากร ปี พ.ศ.๒๕๔๒
จากดักแด้สู่ผีเสื้อ สำนักพิมพ์พิมพ์คำ ได้รับรางวัลที่ ๒ ของหนังสือประเภทสารคดี จากการประกวดหนังสือดีเด่นรางวัล “เซเว่นบุ๊คอวอร์ด” ครั้งที่ ๑ ประจำปี ๒๕๔๗






















E-book
: ดั่งสายน้ำไหล































































































































ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น