มิ่งมิตรแห่งฉัน

เนิ่นนานเพียงใดแล้วที่สายลมอักษรจากเธอผ่านมาฝากเสียงกระซิบละมุนแผ่วประโลมโลกแล้งในใจฉันให้ฉ่ำชื่นราวเรียวหญ้าแห้งได้ซึมซับน้ำค้างอรุณรุ่ง 

ยังจำได้..ยามนั้นฉันอ่านด้วยหัวใจที่เต็มตื่น  ติดตามการเดินทางของเจ้าเด็กน้อยขายไม้ขีดไฟไปแสนไกล  ไกลจากโลกที่ร่างกายฉันกำลังถูกกัดกร่อนด้วยโรคภัยไข้เจ็บไม่ต่างจากเศษกระดาษไหม้เกรียมที่มีคุไฟลามเลียอยู่ริมขอบ  แต่นั่นหาได้สลักสำคัญ  มิ่งมิตรแห่งฉัน..หัวใจฉันยังคงแช่มชื่นเต็มด้วยพละกำลังที่จะติดตามการเดินทางของเด็กน้อยคนนั้น 

ฉันเข้าใจดี

การใช้เวลาบุกบั่นเข้าไปในป่าจินตนาการกอบเก็บเหล่าตัวอักษรกลับออกมาเรียงร้อยบอกเล่าเรื่องราวที่ได้พานพบนั้นหาใช่เรื่องง่ายดายเลย

โลกของความเป็นจริงเร่งเร้าเกินไป  เรียกร้องจนเกินไป  จนบางครั้งถึงกับพันธนาการเราไว้ด้วยเส้นเชือกแห่งภาระหน้าที่ ความรับผิดชอบ จนไม่อาจปลีกตัวเดินทางไปยังดินแดนแห่งความฝันได้อีกแม้สักชั่งครู่ยาม

ผู้คนจึงได้แต่เฝ้าถวิลหาดินแดนแห่งโลกฝัน  นำเอาภาพฝันมาปลอบประโลมใจด้วยความหวังว่าสักวันจะเดินทางไปยังดินแดนแห่งนั้นเหมือนดังที่เหล่านักผจญภัยยุคก่อนได้กระทำกันมา

แต่ยิ่งนับวันเส้นเชือกพันธนาการยิ่งรัดแน่นจนไม่อาจแม้จะขยับกายอีกต่อไป

โลกจินตนาการจึงร้างแล้ง เพราะเหล่านักเดินทางล้วนวางมือที่จะใช้เรียงร้อยอักษรหันไปโอบกอดมายาภาพซึ่งสวมหน้ากากสวยงามเอ่ยมธุรสวาจาในนามแห่งความเป็นจริง 

กัลยาณมิตราแห่งฉัน

ขออย่าได้ถือสาว่าฉันนั้นเรียกร้องจนเกินไปเลย
ผู้ที่สามารถเดินทางยังดินแดนแห่งฝันนั้นมีอยู่น้อยกว่าน้อย  แลผู้ซึ่งสามารถกลับออกมา นำเรื่องราวแห่งโลกฝันมาปลอบประโลมผู้คนในโลกจริงยิ่งมีกว่าน้อย 

เธอมีสิ่งนั้นอยู่  ขออย่าได้หยิบยื่นโอกาสให้สนิมแห่งกาลเวลากัดกร่อนหัวใจที่เคยโลดแล่นไปยังป่าแห่งความฝัน  และปล่อยให้คนที่รอคอยฟังข่าวต้องรอคอยอีกนานเนิ่นเลย

ภายหลังจากสิ้นสุดการเดินทางของเจ้าเด็กชายขายไม้ขีดไฟ  มิตรผู้ต่ำต้อยของเธอยังคงเฝ้าคอยการเดินทางครั้งต่อไปและต่อ ๆ ไปอยู่ด้วยหัวใจเปี่ยมหวัง..ว่าเธอคงไม่ทิ้งให้ใจดวงนั้นต้องแห้งเฉาไปโดยสิ้นไร้แล้วซึ่งเสียงกระซิบจากสายลมอักษรแห่งเธอ ●

ก ร ะ ท่ อ ม ธุ ลี ดิ น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น