ท่านเจ้าสำนักหนอนที่เคารพบูชาปรุงยาแก้สมองผูกตราควายบินออกจำหน่ายทั่วสยามประเทศ  ศิษย์น้อยที่ก้มหน้าก้มตาย่ำตามรอยเท้าท่านอยู่ลิบลับตาขอบังอาจผลิตยาแก้สมองตันออกวางตลาด  ใช่จะอาจหาญประชันขันแข่งกับท่านผู้มีพระคุณ  เป็นแต่วิสัชนาข้อปุจฉาอันสหายท่านคุณนายที่เคารพได้กรุณาแหมะไว้ข้างฝากระท่อม  ผิดพลาดประการใดขอได้เบิกเอากับสหายท่านคุณนายผู้ปุจฉาทั้งหมดทั้งเพด้วยเถิด

สหายท่านคุณนายที่เคารพ

อันว่าอาการสมองตีบตันนั้น  หากวินิจฉัยที่มาของโรคแล้วอาจเกิดขึ้นจากหลายเหตุปัจจัย  ร่างกายอ่อนแอขาดการออกกำลังกาย  ภาวะจิตใจสับสนยุ่งเหยิง  อารมณ์อันผ่องแผ้วถูกทำลายเสียหาย  ความเครียด อดนอน เป็นอาทิ
ขึ้นอยู่กับว่า ตีบตันเรื่องอะไร?

หากตีบตันหมดวิธีจะเอาชนะใจแม่หญิงที่หมายตาหมายใจแล้วล่ะก็  ผู้น้อยเห็นทีจะต้องขอวางไพ่หมอบเสียแต่ต้นมือ  เพราะตัวผู้น้อยเองก็ยังไม่มีปัญญาจะพาตัวให้พ้นจากอาการอับจนหนทาง  หรือตีบตันในหน้าที่การงานซึ่งต้องใช้ความชำนัญเฉพาะด้าน  ผู้น้อยตักน้ำใส่กระโหลกชะโงกดูเงาแล้วก็พบว่า  อันตัวข้าเจ้าก็เท่านี้  ความรู้เท่าลิ้นปี่ ประสบการณ์เท่าขี้เล็บ วันวันนั่งหาเห็บลดอาการคันเนื้อคันตัวก็แทบเกินกำลัง  ไหนเลยจะมีพุทธิปัญญาฉายแสงสว่างเจิดจ้าส่องหนหาทางออกจากซอกตีบซอยตันไปได้

แต่หากว่าเป็นเรื่องขีดเขียนอักขระไทยอันผู้น้อยพร่ำกลำฝึกอยู่ทุกวี่วันนี้  คงพอมีอะไรบางอย่างนำมาแลกเปลี่ยนวิสาสะตามประสาคนขีดคอเขียน

คำสมองตีบตันในทางขีดเขียนนั้น  ข้าพเจ้าเดาเอาว่า เป็นอาการที่ไม่รู้จะเขียนเรื่องใดดี  หรือเขียนแล้วเขียนไม่ออกไปต่อไม่ได้!

จำแนกสมมุติฐานโรคได้เป็นสองจำพวกคือ หนึ่งไม่รู้จะเขียนอะไร  สองเขียนแล้วแต่เขียนไม่ออก

จึ่งขอแจกแจงอาการที่หนึ่งก่อนดังต่อไปนี้

ไม่รู้จะเขียนอะไร--เป็นเพราะเรากำลังเขียนจากภายนอก

ฟังแล้วท่านอาจจะหาว่าข้าพเจ้ากล่าวเลื่อนลอย  หากบอกว่า ไม่รู้จะเขียนอะไรเกิดจาก คลื่นสมองราบเรียบเหมือนผิวน้ำในสระที่ไร้ลมไม่มีอะไรตกกระทบ  จึงไร้ซึ่งริ้วระลอกคลื่น  เช่นนี้ฟังดูคงเข้าที  แต่หากพิจารณาลึกลงไปอีกสักหน่อยก็จะพบว่า ต่อให้สมองอยู่ในภาวะที่ราบเรียบสงบนิ่ง สมองก็ไม่มีทางจะตีบตันจนหนทางขีดเขียน  ไม่เช่นนั้นท่านบาโช ท่านเรียวกันคงไม่สามารถรจนาบทกวีไฮกุที่กระชั้นสั้นนำจิตสัมผัสลมหายใจแห่งธรรมชาติลึกซึ้ง

ท่านนั่งนิ่ง..ก็จะพบความเคลื่อนไหว จากนั้นท่านเพียงกล่าวออกมาเป็นตัวอักษร

อา..หัวใจอันสงบงัน
ไร้อารมณ์ให้ขีดเขียน
ไร้เรื่องราวจะบอกเล่า
ฉันโบกมือทักทายลมหายใจ

นั่นคือการเขียนออกมาจากภายใน

เป็นการเขียนที่ไปพ้นจากความกังวล-ข้อกำหนด-ปัจจัยแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น มีคนอ่านหรือไม่? จะมีคนชอบหรือไม่? ฉันเขียนไม่ได้ดังใจ! อยากเขียนเรื่องดี ๆ สักเรื่อง! เขียนแล้วผู้อ่านได้อะไร? หลักการเขียน ร้อยวิธีเขียนเบสเซลเลอร์ อะไรต่อมิอะไรอีกร้อยแปดพันประการ  ปัจจัยแวดล้อมเหล่านี้เป็นภาพมายาที่ครอบงำจิตใจ  ทำให้เกิดอาการตีบตันที่ว่า 

หากพิจารณาอีกสักหน่อยจะเห็น  ไม่ว่าเราตั้งใจเขียนอย่างไรก็ไม่อาจตอบสนองปัจจัยแวดล้อมดังกล่าวให้สมบูรณ์ได้  เราไม่มีทางทำให้ทุกคนชอบ สิ่งที่เป็นประโยชน์กับบางคนอาจไร้สาระกับอีกหลายคน

ข้าพเจ้าจึงกล่าวว่าความคิดเห็นเหล่านี้เป็นภาพมายา  มีอยู่นั้นหาได้เสียหาย แต่จะไม่ปล่อยให้ครอบงำจิตใจ

รู้สึกเช่นไรเราเพียงเขียนไปเช่นนั้น!
รู้เรื่องอะไรเราเพียงบอกเล่าเรื่องนั้น!

เฮมมิ่งเวย์เขียน The Old Man and The Sea เพราะใช้ชีวิตโชกโชนอยู่ในทะเล ตาเฒ่าซานดิอาโก้ก็คือสหายเฒ่าที่ออกทะเลด้วยกัน Farewel to Arms เป็นฉากชีวิตช่วงร่วมในสงคราม

เจ้าสำนักหอนเขียนพันธุ์หมาบ้าตรึงตาตรึงใจคอหมาทั้งสยามประเทศนั่นเป็นช่วงชีวิตหัวหกก้นขวิดของท่าน

คำถามย่อยคือ ไอเดียที่จะเขียนเกิดขึ้นได้อย่างไร?

นักเขียนบางท่านตอบว่าคว้าเอาจากในอากาศ! เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพียงข้าพเจ้าคิดเห็นว่าออกจะเป็นคำตอบที่เล่นคารม เติมต่อความงุนงงเสียมากกว่าไขคำถาม 

คำตอบแจ่มชัดสำหรับข้าพเจ้าอยู่ในขวดกลม ๆ พะยี่ห้อกระรอกบิน คือ

อ่าน!

สตีเฟ่น คิงก์ดอนคอลิโอเน่แห่งนิยายสยองขวัญสำทับไว้ว่า  คนที่จะเขียนหนังสือเลี้ยงปากท้องต้องเขียนวันละสี่ชั่วโมงอ่านวันละสี่ชั่วโมง  นั่นคือการให้ความสำคัญระหว่างเขียนและอ่านในระดับที่เท่าเทียมกัน 

หากเขียนเป็นเอ้าท์พุท อ่านจะเป็นอินพุท

ทำคู่กันไปเช่นนี้จะไม่มีวันตีบตัน ตัวอักษรจะกระตุ้นสมองซีกจิตนาการให้ทำงาน  ไอเดียใหม่ ๆ จะผุดขึ้นเสมอ 

มีคำตอบย่อยแถมติดมาข้างขวดเหมือนซื้อแชมพูแถมครีมนวดคือ

ดู!

เราทุกคนล้วนดู ล้วนเห็น แต่ผลของการเห็นนั้นแตกต่างกัน หลายคนมองแล้วผ่านเลย บางคนเห็นแล้วเก็บมาคิด เราคงเป็นประเภทหลัง

สถานีรถไฟคิงก์ครอสผู้คนผ่านไปมาวันละไม่รู้กี่พันหมื่น  แต่มีอยู่คนเดียวที่เห็นว่ามีชานชาลาสิบครึ่ง (หรือเท่าไรข้าพเจ้าจำไม่ได้เสียแล้ว) แฮรี่จึงขึ้นรถไฟไปฮอกวอทท์

เอาล่ะ--ที่โม้มาก็ได้เวลาอันควรแล้ว  คิดว่าคงสามารถตอบข้อปุจฉาท่านได้บ้างไม่มากก็ไม่มาย

หากยาแก้สมองตันตรากระรอกบินขวดนี้พอจะมีฤทธิ์ทะลวงสมองตีบของท่านได้บ้างสักชั่วคราวขอให้ท่านยิ้มหนึ่งที  แลหากที่โม้มาไร้สาระทั้งสิ้นทั้งเพก็ขอให้ท่านยิ้มหนึ่งที 

ส่วนข้อสองที่ว่า เขียนแล้วแต่เขียนไม่ออกนั้น คงต้องยกยอดไว้ในโอกาสต่อ ๆ ไป เพราะข้าพเจ้าเองก็เจ็บกระดองใจกับเรื่องนี้มานักหนา  แลคิดว่ายังคงต้องคว้าคอตีเข่ากันอีกหลายยกกว่าจะพบหนทางออกของตน

แต่ว่าก็ว่าเถอะท่านคุณนายที่เคารพ  สำหรับดวงตาตี่ ๆ ของข้าพเจ้าเห็นว่าท่านผ่านขั้นตอนดังกล่าวมาแล้ว  เหลือก็แต่จะนำเสนออย่างไรให้สาสมใจเท่านั้น  ใช่ไหม?..ใช่ไหม?

แล้วจะคอยอ่านขอรับ

คารวะ

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ12 ธันวาคม 2550 เวลา 08:55

    ขยันเขียนเช่นเคยนะท่านดิน

    เดี๋ยวนี้ข้าพเจ้าไม่รู้เป็นไร เขียนทีไรได้ไม่เกินหนึ่งหน้ากระดาษ ไม่รู้เป็นเพราะเขียนไม่ออก หรือหมดประเด็นจะพูดคุย

    ดีนะที่คุณภาพไม่ได้วัดที่จำนวนหน้า ไม่อย่างนั้นนับได้ว่าข้าพเจ้ากำลังถอยหลังลงท่อน้ำ กทม ฮ่า ฮ่า

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ12 ธันวาคม 2550 เวลา 15:57

    ชานชาลาที่ 9 3/4 นะทั่น

    ตอนนี้ข้าพเจ้าก็กำลังดำดิ่งตาม Harry Potter เล่มล่าอยู่เลย
    อ่านมาได้เกินครึ่งทางแล้ว

    หุ หุ หุ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ16 ธันวาคม 2551 เวลา 15:44

    เข้ามาจากค้นหาคำว่า "สมองตัน"

    เจอเวบนี้เวบแรก แต่ไม่อยากเชื่อเลย

    ท่านเขียนได้แจ่มมาก แล้วจะ add

    ไว้เป็นสมาชิกประจำ

    ตอบลบ
  4. ท่านหรอยขะรับ

    ผู้น้อยแผลวไปหมู่บ้านเพ็นกวินของท่านมาแล้ว แต่หาที่แหมะความไม่เจอ (ต้องสมัตรสมาชิกก่อนใช่ไหม?)

    แต่จะอย่างไรก็ต้องขอบพระคุณท่านล่ะที่แวะทักทาย ข้าพเจ้าเองบ้าการ์ตูนน้อยเสียเมื่อไร ยิ่งแนวขำ,ก๊าก,ฮา,ด้วยแล้ว ขออนุญาตแหมะลิ้งก์เสียตรงนี้เลยนะขะรับ

    คารวะ

    ตอบลบ