ต้องขอประทานโทษที่เงียบหายไม่ได้ส่งข่าว ขนำข้าพเจ้าพัง ข้าวของจมน้ำแทบสิ้น โชคยังดีอยู่บ้างที่เจ้าไมเคิล โน้ตบุ๊คคู่ทุกข์คู่ยากเถลจากโต๊ะไถลไปคาขอบหน้าต่าง แต่สายชาร์ตไม่รอด จมอยู่ใต้น้ำต้องควานหาพักใหญ่กว่าเจอ ทรัพย์สินชนิดเดียวข้าพเจ้ามีคือหนังสือ ล้วนจมน้ำขาดอากาศหายใจพากันสิ้นลมวอดวายตายไปกว่าครึ่ง
ซ้ำร้ายฝนยังตกข้ามวันผันคืน แทบไม่เว้นช่วงให้ได้ตากข้าวของ
ข้าพเจ้ากลายสภาพเป็นชาวบ้านไทยมั่นยืน สมัชชาคนจนแถว ๆ รัฐสภา กางเต้นท์อุ้มฝนอยู่หน้าซากขนำ หลายวันหลายคืน
หนังสือส่วนหนึ่งที่รอดชีวิตคิดนำขึ้นมาตากแดดก็ให้มีอันกลายเป็นปุ๋ยเพาะเห็ดรา
สิ้นเนื้อประดาตัวเห็น ๆ
หลังจากพยายามตากสายชาร์ตหลายแดด จนเกือบแน่ใจแล้วว่าแห้งสนิท ข้าพเจ้าจึงทดสอบด้วยความระทึกในดวงหทัย
ยามนี้โผล่หน้าออกจากขนำกลางอากาศได้ แสดงว่าชีพจรอักษรสามารถกลับมาบี๊บ ๆ อีกครั้ง นำความโล่งใจยินดีเหลือคนา
ปู่ไอแซกผู้วายปราณเคยตอบปุจฉา 'หากมีลมหายใจเหลืออีกแค่ไม่กี่นาทีท่านจะทำอะไร?' ไว้ว่า "ข้าพเจ้าจะพิมพ์ให้เร็วขึ้น"
ชีพจรอักษรฟื้นจากไอซียูครานี้ ข้าพเจ้าก็จะทำเช่นนั้น
ต้องขอประทานโทษทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ หวังทุกท่านดื่มด่ำกำซาบสงกรานต์สารทกันทั่วถ้วนหน้า พร้อมกลับมาเผชิญชีวิตประจำวันอย่างเต็มกำลังแรงใจ เข้มแข็งทั้งสุขะพลานามัย จำเริญอักขระเกริกไกร ตลอดไปเทอญ ●
อย่างนี้นี่เอง...
ตอบลบทางใต้ฝนตกหนักหรือ? ทำไมข้าเจ้าไม่ยักรู้
สุดท้ายขนำท่านก็ไม่แคล้วขนำเจ้าซำหม้อ แล้วอย่างนี้จะก่อบ้านดินเหมือนซำหม้อเขาหรือเปล่าทั่น? หนังสือที่มันวายชีวาไปแล้วก็แล้วไป ดีเสียอีกจะได้มีที่ว่างไว้รองรับหนังสือที่จะมีมาในอนาคต ไม่ต้องคิดหาวิธีจัดการให้เปลืองขมอง จะตั้งไว้เฉยก็กินเนื้อที่ ไอ้ครั้นจะเอาไปบริจาคก็ให้เสียดาย ให้ธรรมชาติจัดการให้ซะเลย อิอิ
แล้วตกลงหนังสือ 'ต้นร่างนิยาย' ว่าไงเจ้าคะ จะอ่านเองหรือจะให้ข้าเจ้าแสดงปาฐกถาให้ฟังกันอีกสักรอบ
แต่บอกไว้ก่อนนา ที่อ่านไปนั่นยังไม่รู้เลยข้าเจ้าได้อะไรมามั่ง เองงี้ดีกว่า ท่านเอาไปอ่าน อ่านจบแล้วท่านก็มานั่งวิเคราะห์แจกแจงแยกแยะให้ข้าเจ้าฟัง ---อือฮึ ความคิดเจ๋งวุ้ย เอาเป็นว่า ตามนี้แหละนะทั่นนะ ข้าเจ้าจะได้จัดการร่อนฝากสายลมไปให้
คารวะ