พ่อมีกล่องเหล็กใบใหญ่อย่างกับยักษ์วัดแจ้ง หนักขนาดใช้สองมือฉวยหูหิ้วออกแรงลากยังไม่ขยับ หากเปิดฝาแล้วผลักออก ข้างกล่องจะแยกห่างจากกันทีละชั้นเหมือนหุ่นยนต์กำลังแปลงร่างเผยความลับต่าง ๆ ที่เก็บซ่อนไว้

ภายในเป็นโลกสลับซับซ้อน มีอุปกรณ์หน้าตาประหลาดวางเรียงสลอน ชิ้นเล็ก ๆ อยู่ชั้นบนและชั้นกลาง ชั้นล่างที่เป็นเหมือนท้องของหุ่นเต็มด้วยเครื่องมือชิ้นใหญ่หลายขนาดหลากรูปทรง ที่เหมือนกันทุกชิ้นของอุปกรณ์หน้าตาประหลาดทั้งห้าช่องก็คือวาวสีเงินสะท้อนเงาเป็นมันน่าหยิบจับ

พ่อหิ้วกล่องเหล็กด้วยมือข้างเดียว เส้นเลือดท่อนแขนเขียวโปน ข้าพเจ้าตอนนั้นสูงยังไม่พ้นเอวพ่อเดินตามหลัง

พ่อก้าวลงไปในเรือ วางกล่องเครื่องมือไว้ใกล้ตัว นั่งลงข้างเครื่องยนต์ ลองสตาร์ท

ได้ยินแต่เสียงแก๊ก ๆ เครื่องยนต์นิ่งสนิทเหมือนคนขี้เซาต่อให้ปลุกอย่างไรก็ไม่ยอมตื่น

พ่อเปิดกล่องหยิบเครื่องมือมาคลายน็อตถอดชิ้นส่วนเครื่องยนต์ออกทีละชิ้น เห็นพ่อสาระวนอยู่กับเครื่องยนต์ข้าพเจ้าขี้เกียจอยู่ดูหลบไปวิ่งเล่นเสียที่ส่วนอื่นของเรือลำใหญ่เท่าสนามบอล

จนตกเย็นแดดอ่อน เริ่มหิวจึงวิ่งกลับมาที่พ่อ

พ่อกำลังนั่งขัดเครื่องมือด้วยแปรงลวดทองเหลือง น้ำมันในแกลลอนผ่าข้างดำเสียกว่าน้ำในกะละมังตอนแม่ซักผ้า อุปกรณ์หน้าตาประหลาดในมือพ่อดูเป็นเงาวาว พ่อหยิบขึ้นมาขัดทีละชิ้นแล้ววางเรียงไว้

"เสร็จแล้วหรือครับ?" ข้าพเจ้าถาม

"ยัง" พ่อตอบ "ไม่มีอะไหล่ เอาไว้พรุ่งนี้ได้อะไหล่เรามาจัดการอีกที"

"อ้าว.." ข้าพเจ้าร้อง "ยังไม่เสร็จทำไมพ่อล้างเครื่องมือล่ะครับ?"

พ่อยิ้ม หยิบบล็อกสแตนเลสขึ้นมาขัด น้ำมันสีโคลนเคลือบมือพ่อเป็นเงาส่งกลิ่นรุนแรง ข้าพเจ้าไม่หายสงสัย

"พรุ่งนี้ก็ต้องมาทำใหม่อยู่ดี เสร็จแล้วค่อยล้างก็ได้นี่นา"

"พ่อล้างเครื่องมือทุกครั้งที่เลิกงาน" พ่อวางบล็อกลง "อีกอย่างเราจะได้รู้ว่าเครื่องมืออยู่ครบไม่เผลอทำหล่นหาย"

อยากให้พ่อเสร็จไว นั่งยองลงมองหาแปรงลวดคิดช่วยล้าง

"ไปเล่นก่อนไป อีกแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว" พ่อบอก

ข้าพเจ้าขยับออกมาทั้งใจอยากให้พ่อล้างเครื่องมือเสร็จไว ๆ พ่อนั่งขัดอุปกรณ์ทีละชิ้น ดูไม่รีบไม่ร้อน กว่าขัดชิ้นสุดท้าย พวกก่อนหน้าก็แห้งน้ำมันพอดี จากนั้นค่อยจัดวางกลับลงกล่องเครื่องมือ

เครื่องมือของพ่ออยู่ในสภาพเงางามเสมอ ข้าพเจ้าหยิบออกมาเล่นทีไรไม่เคยมีกลิ่นน้ำมันหรือเลอะมือ ขณะกล่องเหล็กใบนั้นถูกสนิมกัดกร่อนไปตามกาลเวลา

ทุกวันนี้เห็นกล่องเครื่องมือพลาสติกรูปร่างหน้าตาแข็งแรงคล้ายหุ่นยนต์เก็บของมีช่องเชิงตรงโน้นนิดตรงนี้หน่อยใช้เก็บอุปกรณ์หลากขนาดทีไรยังอยากซื้อเก็บไว้ทั้งที่มีอยู่ก็เก็บเครื่องมือสำหรับจัดการสายไฟ ท่อน้ำ ซ่อมแซมที่อยู่อาศัยได้อย่างปกติสุข

ความรู้สึกผูกพันกับกล่องเครื่องมือคงแฝงเร้นอยู่ในใจตลอดเวลา สุขทุกครั้งที่ได้สาระวนอยู่กับเครื่องมือในกล่อง ต่างกันก็ตรงที่ไม่ใช่ประแจสแตนเลสและบล็อกขนาดต่าง ๆ สำหรับซ่อมเครื่องยนต์ และที่ต่างถึงต้องคอยเตือนตนก็คือ กล่องเครื่องมือข้าพเจ้ารกจนบ่อยครั้งแค่ค้นหาอุปกรณ์สักชิ้นต้องรื้อข้าวของข้างในออกมากองแทบทั้งหมด ต่างจากกล่องเครื่องมือพ่อที่ทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งเป็นระเบียบเรียบร้อย

หลายปีแล้วข้าพเจ้าฝึกเขียนหนังสือ ช่วงเวลาก่อนลงมือฝึกเขียนเอาจริงจัง ด้วยความใคร่รู้ว่าทำอย่างไรจึงจะเขียนหนังสือได้ ข้าพเจ้าซื้อหนังสือคู่มือหัดเขียนแทบทุกครั้งที่ผ่านตา ด้วยเข้าใจไปว่าอ่านหลักการเหล่านั้นแล้วอาจพบบานประตูเปิดสู่โลกของงานเขียนที่ใฝ่ใจ

กว่าพบว่าการเปิดบัญชรแห่งอักขระคือลงมือเขียน หาใช่เอาแต่อ่านหลักการเขียนร้อยแปดพันวิธี ข้าพเจ้าก็มีหนังสือแนะนำวิธีเขียนเรียงบนชั้นสลอน

กว่ารู้ว่าร้อยแปดหลักเขียนเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องมือที่ต้องใช้ทักษะควบคุมให้ทำงาน ทักษะที่ต้องผ่านการเรียนรู้โดยฝึกฝนครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ต่างเครื่องมือพ่อใช้ตอนซ่อมเครื่องยนต์ ประแจในมือพ่อที่เคลื่อนไหวไปมาแค่ช่วยอำนวยสะดวกให้การซ่อมแซมดำเนินไป ส่วนรู้จัดการตำแหน่งเสียหาย หาจุดเป็นเหตุให้เครื่องยนต์ไม่ทำงานต้องใช้ทักษะช่างยนต์ที่ฝึกฝนจนชำนาญ

ระหว่างหนทางฝึกฝนอักขระ หลายครั้งติดขัดไม่อาจนำตัวอักษรก้าวต่อไป ข้าพเจ้าควานหยิบเครื่องมือมานั่งอ่านทบทวนเผื่อว่าจะมีมนต์วิเศษดลบันดาลให้พบทางออกนำพาตัวอักษรเดินทางต่อ

ด้วยความที่วางเครื่องมือสะเปะสะปะ หารู้ไม่เครื่องมือใดอยู่ตรงไหน ควานหยิบแต่ละครั้งรื้อค้นให้วุ่น  หลายครั้งกลับไม่เจอเครื่องมือที่ใช้แก้ไขปัญหาซึ่งกำลังติดขัด

ยินชักชวนจากสหายรักที่เคารพย่าหนุงให้ร่วมขบวนเหล่านักหัดเขียนบ้านหนอนสำหรับการกลับมาของก้าวฯ 2 ข้าพเจ้าตอบรับทันควัน  สิ่งที่ต้องการกระทำผุดพรายในทันที

ฝึกเขียนหนังสือมาหลายปี ข้าพเจ้าเห็นควรมีกล่องสักใบสำหรับจัดเก็บเครื่องมือที่วางเปะปะนี้เสียที

ช่างไม้เลื่อยไม้ตอกตะปูสร้างกล่องเครื่องมือของตน กล่องเครื่องมือของพ่อเป็นเหล็กอาจเพราะเหมาะใช้เก็บเครื่องมือเหล็กสแตนเลสเงาวาวเหล่านั้น 

สำหรับช่างอักขระ กล่องเครื่องมือเห็นควรตอกขัดมัดขึงขึ้นจากกองอักขระเพื่อใช้จัดเก็บเครื่องมือสานถักอักษรให้เข้าที่เข้าทาง แยกเป็นสัดเป็นส่วนง่ายต่อการหยิบจับ และแน่ล่ะ..ไม่ควรลืมทำความสะอาดทุกครั้งหลังใช้งาน 

ยังไม่แน่ใจว่ากล่องใบนี้จะมีสักกี่ช่องชั้น  ไว้คราวหน้าเราค่อยมาดูกัน ●

OOO

'..ส่วนที่เหลือก็คือการฝึกฝนอย่างหนัก ไม่มีหยุดครับ ไม่ว่าฝนตกหรือแดดออก และผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ทำเช่นนี้ ย่อมเป็นนักเขียนอาชีพได้ทั้งนั้นครับ'

วินทร์ เลียววาริณ

3 ความคิดเห็น:

  1. Bro!

    ทั่นพี่ไปแปะ "บ้านเกิด : แบบเรียนเขียนไทย" ไว้ในบ้านหนอน ผมแวะมาตอบในนี้ แต่ไม่ยักเจอ

    วนๆ อยู่พักใหญ่ แปะไว้ตรงนี้หนา เห็นว่ามีเรื่อง "พ่อ" เสมอกัน

    ท่านพี่ดิลล์

    คิดถึงปักษ์ใต้เช่นกัน หลังปู่จากไป หลังพ่อย้ายไปเมืองเพชร
    โรงเรียนอนุบาลเล็กๆ ในปากพนัง คงไม่เหมือนเดิม - คิดถึง

    เมื่อเด็ก พ่อพานั่งรถกระบะไปเที่ยว 'เล' เลาะไปตามถนนเลียบหาด
    ได้ยินรถหาเสียงร้องว่า "ถ้าให้เลือกก็ค้นดี๋ ค้นไม่ดี๋ เลือกท้ำไหร"

    ถามพ่อว่า ทำไมเขาออกเสียงอย่างนั้น (ไม่เหมือนคนปาก'นัง)
    พ่อตอบว่า "คนระโนดสำเนียงอย่างนี้"

    คิดถึงปักษ์ใต้จั่งหู้

    ... อีกอย่าง พ่อตั้งชื่อเล่นว่า 'เอ้'
    คนที่นั่นออกเสียงอย่างไรก็ได้ยินว่า 'หน่องเอ๋ หน่องเอ๋' (น้องเอ้)

    ตอนเด็ก เลยเข้าใจว่าตัวเองชื่อ เอ๋

    อีกคำหนึ่งติดปากเลยล่ะ "ไป่ไน้? ไป่หวิก ... ไปแลนั้งมาย"

    คารวะ

    : )

    ตอบลบ
  2. แถม ...

    เมื่อเด็ก พ่อพาลงใต้ไปปาก'นังโดยรถไฟชั้น 3
    พากินข้าวผัดในตู้เสบียง อิ่มและสนุกที่สุดในโลก

    กลับมาที่นั่ง ปูหนังสือพิมพ์ที่พื้น ใต้เก้าอี้ไม้!
    เราสามคนนอนหลับฝันดีกว่าวันนี้ - เสียอีก

    : )

    ทั่นมาขุดความหลังของผมแท้เทียว

    ไปแระ

    ตอบลบ
  3. อา..หากพี่ท่านเหลือบไปทางใต้เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม จะเห็นผู้น้อยนอนไขว่ห้างอ่านหนูจ๋า

    (ว่าแต่ไปกับพ่อไหงมากันสามคนล่ะขะรับ?;) )

    ตอบลบ