วานซืนท่านจินนี่เองจ้าที่เคารพรักแวะขนำ เห็นเพิงร้างว่างเปล่าราวไร้เจ้าของอยู่อาศัย มาตรแม้นตัวเลขข้อความอัพเดทไล่ ๆ กับตัวเลขวันที่แบบหายใจรดต้นคอ แต่ก็ไร้ซุ่มเสียงผู้คนสนทนา ยินเพียงเสียงนกการ่ำร้องอยู่ในเงาไม้ บรรยากาศวังเวงโหวงเหวงชวนขนพองสยองเกล้า คิดหย่อนก้นนั่งพักเหนื่อยสักครู่ก็เกรงตุ๊กแกร้อง กั๊บ กั๊บ จึงเพียงขยับถ้อยวาจาฝากไว้พอให้รู้ว่า 'เงียบเชียบ' อะไรเช่นนี้..

เมื่อแรกตอกเสามุงหลังคาขนำบนอากาศ ผู้น้อยหวังใช้เก็บตัวอักษรซอมซ่อเป็นที่เป็นทาง ตระหนักว่าลายอักษรอัปลักษณ์ หากดึงดันสำแดงบนพื้นที่สาธารณะมีแต่นำใบหน้าผู้จารใส่กระสอบเลหลังเป็นเสื้อผ้าตลาดโรงเกลือเสียเท่านั้น

แต่ต่อให้เป็นพญาเหยี่ยวรุ้ง ไหนเลยสามารถบินสูงเทียมเมฆาโดยมิเคยเตาะแตะอยู่ข้างฟางรัง

อับอายย่อมมีอยู่เป็นสามัญ แต่ความหนาของใบหน้าก็ได้ห่อหุ้มเสียมิดชิดจนอับอายมิอาจแหล๋มออกยืนท้าวสะเอวอวดพุงหลาม

ตัวอักษรซอมซ่อจึงโผล่ศีรษะหน้าเวที ออกท่าออกทาง วาดมือกวาดเท้า ตวัดทวน ลูบเครายักคอเป็นงิ้วกลางแปลงแสดงจำอวดอักขระมาจนบัดนี้

ประสีงิ้วไม่ประสา เมื่อทุ่มกายใจสำแดงย่อมวาดหวังจำนวนผู้ชมให้มากไว้  คิดไปว่าเป็นกำลังใจสำหรับการแสดงในรอบต่อ ๆ ไป ยิ่งโรงงิ้วคึกคักจอแจเท่าไร จะยิ่งดูเหมือนว่าเจ้าลิโป้ เตียวเสี้ยน ตั๋งโต๊ะ ตั้งหน้าตั้งตาออกลีลาท่าทางกันสุดฝีมือ ซึ่งบัตรเข้าชมก็หาได้คิดเป็นอัฐเป็นเฟื้องอันใด ขอแค่คำทักทายเล็ก ๆ น้อย ๆ พอประโลมใจ

วันใดเก้าอี้ผู้ชมว่างเปล่า เขม้นมองจากเวทีเห็นแต่เจ้าจิ้งจกกระดิกหางไล่ฮุบแมลง ซ้ำยังมีหน้าหันมาตะคอก

"มองอะไร!?..แสดงไปเซ่!"

ประดางิ้วจำอวดพากันหดหู่ซึมเซา ไร้เรี่ยวแรงแล้งกะจิตกะใจจะวาดท่าออกทาง ว่างวายผู้ชมนานเข้าพาลจะเลิกแสดงเสียรู้แล้วรู้แรด

แล้ววันหนึ่งผู้คนกลับมาให้ความสนใจ โรงงิ้วเต็มด้วยอาซิ้มอาซ้ออาแปะหอบหิ้วอาตี๋อาหมวยมานั่งสลอน ยิ่งตอนลิโป้จะฆ่าตั๋งโต๊ะทุกคนนิ่งกับที่ราวถูกสะกด พากันเพ่งมองด้วยใจระทึก ไม่เว้นกระทั่งนังหมวยกิมจี๋ที่เดินขายเม็ดก๋วยจี๊ยังอ้าปากค้าง

โรงงิ้วกลับมาคึกคักอีกครั้ง

แต่ถึงตอนนี้ เข้าใจแล้วว่าความสุขของการแสดงมิควรผูกติดกับจำนวนผู้ชม เมื่อรักในศิลปะการแสดง พึงแสดงให้เต็มกำลังไม่ว่าผู้ชมมากน้อยเพียงใดการแสดงยังต้องดำเนินไป ก็เพราะได้ฝากวิญญาณไว้แล้วบนเส้นทางสายนี้

เพราะอ่อนไหวกับภาวะแวดล้อมตกกระทบ ผู้น้อยจึงหอบเสื่อหอบหมอนมาปักเสากั้นฟากฝามุงหลังคากระต๊อบที่ชายป่า ยากหาผู้คนสัญจรผ่าน

จากโรงงิ้วในชุมชน กลายเป็นอาศรมอักขระพรตผู้ถือสงัดสันโดษ

ใช่หมายทำตัวเป็นนักบวชทรงศีล เพียงมุ่งหวังบำเพ็ญเพียรจนกว่าบรรลุอักขระธรรม ผ่านวัตรปฏิบัติไปโดยสงบงัน นานทีมีสหายที่นับถือคิดถึงกันหิ้วชะลอมอักษรมาฝาก นั่นนับว่าประโลมใจยิ่งแล้ว

'คุยให้น้อยเขียนให้มากไว้'

เขียนใช้พลังงานกว่าอ่านหลายเท่า ผ่านตาตัวอักษรสองนาที ผู้เขียนอาจใช้เวลาถึงสองชั่วโมง บำเพ็ญอักขระธรรมจึงต้องการเวลายิ่งยวด

เป็นการสมควรแล้วที่ท่านจินนี่เองจ้าที่เคารพปะความเงียบวังเวง ณ อักษรอาศรมนี้ ในความเงียบเชียบวิเวกนั้นขอท่านได้รับทราบว่าบำเพ็ญเพียรยังคงดำเนินไป หาได้ลดหย่อนอุตสาหะเลยสักเวลานาที  แลการรักษาไว้ซึ่งความเงียบยังเป็นปณิธานไม่แปรเปลี่ยน

สำนักปฏิบัติธรรมเต็มด้วยเหล่าผู้ใฝ่ธรรม สถานที่กลับเงียบเชียบราวไร้ผู้คนฉันใด

อาศรมอักขระธรรมย่อมหวังอักษรากาศบริกรรม สนทนากันด้วยงานเขียนแทนอักขระวาจาฉันนั้น

แวะมาปะความเงียบคราใด หวังท่านจินนี่เองจ้าที่เคารพรักรับวิเวกกลับไปเป็นกำนัลเพื่อความจำเริญแห่งอักขระบำเพ็ญของท่านยิ่ง ๆ ขึ้นเทอญ

คารวะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น