เสียงนกบนหลังคาจุ๊บจิ๊บสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านสาย

ขออย่าได้คิดไปว่าผู้น้อยอู้เจียวล่ะ 'รอยยิ้ม' เที่ยวนี้พริ้มเพราเกลากลึงไร้ริ้วลายให้ขัดสีฉวีวรรณจริง ๆ 

หากในใจท่านพลันคิดขึ้นว่า 'ต้องมีบ้างล่ะนา..' อยากยื่นมือมาเข่นคอข้าพเจ้า '..บอกมาไม่งั้นล่ะ..ฮึ่ม!'

ข้อปลีกย่อยย่อมมีอยู่บ้างเป็นธรรมดาประสาอัตตาส่วนตัวแต่ไม่มีผลกับภาพรวม

ผู้น้อยจะพยามเลาะตะเข็บกล่าว หวังพอเป็นที่ประโลมใจท่านว่า เจ้านายช่างกำมะลอใช่เพียงนั่งท้าวคางพยักหน้าหงึก หุบปากอมพะนำทำไม่รู้ไม่ชี้

กลวิธีนำเสนอใช้สองมุมมองในเหตุการณ์ร่วมนั้นงามนัก

เนื้อหา ประเด็น วิธีนำเสนอ สอดคล้องต้องกันจนโดดเด่นเป็นเนื้อเดียว แทบอยากกล่าวว่า เรื่องเล่าของท่านเรื่องนี้ลงตัวสุดตั้งแต่ผู้น้อยติดตามท่านมา บวกกับรูปภาษาที่ไม่ (ใช้ 'ลด' แทนดีกว่า เพราะมีบ้างบางประโยคข้าพเจ้าเห็นว่ายังใช้คำโดยรุ่มรวย แต่น้อยเกินไปที่จักหยิบยกมากล่าวถึง) เสกสรรค์ปั้นแต่ง กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเหมาะกับเรื่องเล่าร่วมสมัย

ขอท่านคว้าไม้หรือยึดอะไรสักอย่างใกล้ตัวไว้จงมั่น ก่อนผู้น้อยจะกล่าวว่า'รอยยิ้ม' ของท่านครานี้น่าชื่นชมนัก

จุดเล็กน้อยที่ใคร่นำมาแลกเปลี่ยนคือ 'ภาษา'

ความยากของเรื่องเล่าสองมุมมองคือทำอย่างไรให้ผู้อ่านเชื่อว่าผู้เล่าฝ่ายหญิงเป็นหญิงจริง ๆ และฝ่ายชายเป็นชายจริง ๆ โดยใช่เพียงพึ่งอิทธิพลของสรรพนามบุรุษที่หนึ่ง 'ผม' 'ฉัน' แต่ยังต้องใช้ 'วิธีพูด' 'วิธีคิด' ช่วยบอกย้ำความแตกต่างทางเพศ

หากใช้ 'ผม' แต่อุปนิสัยขี้งอน ช่างหวั่นไหว คิดหยุมคิดหยิม ผู้อ่านอาจรู้สึก (ไม่ก็ผู้เขียนเจตนาให้ผู้อ่านรู้สึก) ว่าเจ้า 'ผม' คนนี้เป็นกระเทย 

แน่ล่ะ..นิสัยคนเราสลับซับซ้อนยากจับให้มั่นคั้นให้ตาย แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าต้องมีบางอย่างที่เราจะจับมาใช้ได้ เพียงทักษะตรงนี้เกินกำลังข้าพเจ้าขณะนี้จึงไม่อาจกล่าวล่วง..เกินนี้

บทบรรยายช่วงหลังซึ่งเป็นเรื่องเล่าฝ่ายชาย ข้าพเจ้ารู้สึกว่าเจ้านี่ออกจะยังไงยังไงอยู่ (ผมกลัวเธอจะมองเห็นความหวั่นไหวที่มันเอ่อล้นอยู่ในแววตาของผม) แต่ผู้เขียนก็ได้แจงรูปลักษณ์ไว้แล้ว (ชายหนุ่มผู้มีรูปกายบึกบึนสมชายชาตรีอยู่ในเสื้อกล้ามกางเกงยีนส์ขาเดบ ชายผู้มีเรือนผมสีแดงประกายทองยาวประบ่า สวมที่คาดผมสีดำตลอดเวลา) (ตรง 'อยู่ใน' นั่นขอเป็น 'สวม' เถอะนะ..ได้โปรด!)

เจ้านี่จะต้องไปโกรกผมมาแน่ ไม่ก็เป็นตังเกออกเรือหาปลาตากแดดจนผมลอกสี แต่อย่างหลังคงต้องตัดไปเพราะพวกตังเกมักผมยุ่ง ไม่เรียบร้อยเรือนผมอย่างที่ผู้เขียนพรรณนา ถ้างั้นเจ้านี่คงคลั่งแฟชั่นเกาหลีฟีเวอร์ไม่ก็ออกแนวตีสต์

ความช่างหวั่นไหวในภาคหลังจึงเป็นที่เข้าใจได้ เป็นอันข้อสงกาข้าพเจ้าจึงตกไป

อีกอย่าง..

ตามที่เคยเรียนท่านก่อนหน้า ผู้น้อยมิใช่แนวกระแสสำนึก ปะเรื่องเล่าประเภทครุ่นคิดอยู่คนเดียวจนใกล้จบจึงพูดออกมาสองคำทีไร ผู้น้อยโหนต่อยอมลงป้ายถัดไปทุกที (ช่วงหลังมานี่ก่อนอ่านมักใช้วิธีกวาดตาแต่ต้นจนจบดูน้ำหนักรวมก่อน)

ก็เพราะเชื่อว่าเรื่องเล่าที่ดีน่าจะมีส่วนผสมพอเหมาะพอเจาะทั้งทางลึกทางกว้างทางยาว หากเล่นดำลึกลูกเดียว ผู้น้อยนั้นมืออ่อนเท้าอ่อน ไหนเลยเหลือกำลังตะกายขึ้นหายใจผิวน้ำ

แต่สำหรับกับ 'รอยยิ้ม' ชื่อเรื่องท่านก็บอกแล้วว่า 'ยิ้ม' ไม่ใช่ 'พูด' ยิ้มที่เป็นการสื่อสารโดยปราศวาจา พรรณนาโวหารจึงถูกนำมาใช้โดยเปี่ยมพลังตรงวัตถุประสงค์

ข้อขัดของข้าพเจ้าจึงเป็นอันตกไปอีกข้อง

หากสักวันว่างอารมณ์ นั่งออกแบบโลโก ด.ดินการช่างสำเร็จ เรื่องเล่า 'รอยยิ้ม' สมควรได้รับโลโก 'ดินชวนอ่าน' ด้วยความชื่นชมนิยมยินดี

ด้วยความเคารพอย่างสุดหล้าฟ้าเขียว
สายดิลล์

ป.ล.๑ ตามที่เข้าใจร่วมกัน ผู้น้อยยินยอมเผยหางอึ่งดุ๊กดิ๊ก ก็ด้วยหวังรับทราบหางอึ่งดิ๊กดุ๊กของท่าน ฉะนั้น คิดเห็นคิดแย้งประการใดรบกวนบอกมาเสียโดยละม่อม เพื่อถ่างตาตีบตี่ผู้น้อยให้ได้ยลมุมมองที่แตกต่างกว้างขวางแลเพื่อความจำเริญอักขระบำเพ็ญในกาลต่อ ๆ ไป   

ป.ล.๒ บ่ได้มีปัญหาขะรับ..บ่ได้มีปัญหา..หน้าหวาน รูปร่างอรชรแอนด์กิ๊บสีชมพู...อืมมมมมมมม์...เอ่อ...อ่า..น่ารักดี อุ๊บ!

เหตุเกิดในตึกศัลกรรมหญิง # รอยยิ้มมิตรภาพ (สายลม)

4 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ28 พฤษภาคม 2552 เวลา 17:17

    ครึ้มฝนทะมึนทั่วท้องฟ้าสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรักสุดใจขาดดิ้น

    ขณะนั่งละเอียดอ่านถ้อยความทั่นนั้นข้าพเจ้ากำลังปอกลิ้นจี่หวานจี๊ดโดนใจใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆ ดีนะที่เนื้อลิ้นจี่ไม่ติดคอยามผ่านตาคำชมทั่น กลืนปุ๊บลงปรื๊ด...ลงปรื๊ด... แต่ตอนทั่นบอกให้หาไม้หรือยึดของใกล้ตัวไว้ให้มั่น ข้าเจ้ากำลังงงอยู่ว่าทำไมต้องยึดไม่ทันได้หยุดสายตา สุดท้ายหัวไปโหม่งกับเพดานห้องหล่นตุ๊บลงนอนแอ้งแม้งอยู่บนพื้น ลิ้นจี่ไม่ติดคอเจ้าค่ะแต่ดันสำลักลิ้นจี่เข้าจมูก แฮ่ เจ็บหัวตอนโหม่ง เจ็บตูดตอนตกยังไม่พอ ยังต้องมาแสบจมูกตอนสำลักอีก

    ขอบคุณสำหรับข้อความ ‘เรื่องเล่าของท่านเรื่องนี้ลงตัวสุดตั้งแต่ผู้น้อยติดตามท่านมา’

    มันบอกให้รู้ว่าลายอักษรของข้าพเจ้าเดินหน้าไปเรื่อยๆ หาได้ย่ำอยู่กับที่ไม่ เป็นแรงใจให้ข้าพเจ้าได้เขียน เขียน เขียน และเขียนเพื่อเดินหน้าสู่ฝันต่อไป

    สำหรับเรื่อง ‘ภาษา’ ในการเล่าที่จะทำให้ผู้อ่านเชื่อว่าผู้เล่าเป็นเพศที่แทนด้วยสรรพนามนั้นจริงๆ

    ก่อนอื่นต้องขอชื่นชมท่านจากใจจริงที่สามารถวิเคราะห์บุคลิกตัวละครได้ตามที่ข้าพเจ้าต้องการสื่อ

    ‘ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีแดงประกายทอง’ พ่อหนุ่มคนนั้นเขาไปโกรกผมมาจริงๆ เจ้าค่ะ(ตัวละครฝ่ายชายมีตัวตนจริง ทั้งบุคลิกและการกระทำ ส่วนความคิดนั้นข้าเจ้าใส่ไปเองล้วนๆ เหอะๆ)

    ‘ผมยาวประบ่า สวมที่คาดผมสีดำตลอดเวลา’ มักเป็นลักษณะของพวกตีสน์ ที่ชอบความเซอร์(ผมยาวกว่าพวกผู้ชายทั่วไป) และไม่ค่อยแคร์สายตาใคร(ก็ผู้ชายทั่วไปที่ไหนเขาสวมที่คาดผมแบบผู้หญิงกันเล่า หากทั่นจะเถียงว่า มี! ข้าพเจ้าก็จะถามต่อว่า..แล้วไอ้หมอนั่นมันสวมตลอดเวลารึเปล่าล่ะ?)

    เอาล่ะมาว่ากันถึงอารมณ์อ่อนไหวของพระเอกที่ถึงแม้ทั่นจะทำให้ข้อสงกานั้นตกไปแล้วแต่ข้าพเจ้าก็อยากแจกแจง

    ในส่วนแรกซึ่งผู้หญิงเป็นฝ่ายเล่าเรื่อง ข้าพเจ้าพยายามเขียนให้ออกมาในรูปที่ว่าชายร่างบึกบึนคนนั้นมีบุคลิกอ่อนโยนละมุนละไมและมีความลึกซึ้งในความรู้สึก

    ‘มือข้างหนึ่งของเขากุมกระชับมือเหี่ยวย่นนั้นไว้แนบแน่น บางครั้งที่ฉันเห็นมือแข็งแรงนั้นบีบปลอบโยน’

    ‘เช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ตั้งแต่ใบหน้าจรดฝ่าเท้า ด้วยกิริยานุ่มนวลอ่อนโยน’

    ‘มือใหญ่แข็งแรงยังคงลูบไล้เนื้อตัวคนบนเตียงด้วยสัมผัสอ่อนโยน สายตาของเขามองแน่วนิ่งไปที่ใบหน้าหญิงชรา’

    ประโยคเหล่านี้พอจะทำให้ชายหนุ่มคนนั้นเป็นอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการสื่อได้ไหม?

    เมื่อชายหนุ่มคนนี้มีความนุ่มนวลอ่อนโยนและลึกซึ้งในความรู้สึกกับคนที่รักซึ่งนอนป่วยอยู่บนเตียงแล้วก็ไม่แปลกที่เขาจะช่างหวั่นไหวไปกับคนที่เขาจะรักอีกคนที่ติดกิ๊บสีชมพู นั่งหน้าหวานอยู่ข้างเตียง 36 จริงไหม?

    แต่คนอ่านเขารู้สึกไปอย่างที่ผู้เขียนรู้สึกด้วยรึเปล่านี่สิ อีกเรื่องที่ต้องขบคิด

    (แต่ถ้าเราจะไม่ขบคิด ด้วยเหตุผลที่ว่า จะคิดไปทำไม เราคนเขียน คิดเขียนออกมาตามอารมณ์ความรู้สึกที่อยากนำเสนอทุกอย่างแล้ว ตัวอักษรมันได้อย่างใจเราแล้ว คนอ่านจะรู้สึกอย่างที่เราอยากให้รู้สึกรึเปล่าก็ช่างหัวเค้าสิ ... ท่านว่าอย่างนี้จะได้ไหม หรือเราจะละเลยคนอ่านเกินไป?)


    อีกอย่าง...(เรื่องเล่าที่ดีในมุมมองทั่น)

    อยากจะถามสักนิด ตอนอ่านหนังสือทั่นแปลงร่างเป็นตะพาบน้ำเหรอ? อ่านไปสักพักถึงต้องตะเกียกตะกายขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำน่ะ ;)

    เรื่องเล่าที่ดีข้าพเจ้าไม่มีความเห็นนะเจ้าคะ คงต้องขึ้นอยู่กับจริตของแต่ละคน ตะพาบอย่างทั่นอาจต้องการประโยคสนทนาคั่นจังหวะเพื่อตะกายขึ้นมาหายใจ แต่บางคนอาจคิดว่า ‘อย่าเอาประโยคพูดคุยมาให้เสียอารมณ์เลย เอามาจากไหนเอากลับไปไว้ตรงนั้นแหละ ตูอยากจะดูสิว่า ไอ้คนเขียนมันจะพาตูทัวร์มิติลี้ลับไปโผล่กาแลคซีไหน’ ก็เป็นได้นา.. ^^

    เรื่องเล่าบางเรื่องก็เหมาะกับการดำเนินเรื่องแตกต่างกันไป มันก็ขึ้นอยู่กับคนเขียนว่าจะเลือกการดำเนินเรื่องแบบใดให้เหมาะสมกับเรื่องนั้นๆ มากที่สุด ...อันนี้ก็ต้องเรียนรู้กันอีกนานนนนนน…………

    แล้วจะรอดูโลโก้ใหม่ ด.ดินการช่างเจ้าค่ะ

    ด้วยความเคารพยิ่งใหญ่เท่าจักรวาล
    สายลม

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ28 พฤษภาคม 2552 เวลา 17:18

    ป.ล.๑ เอาหางอึ่งมากระดุ๊กกระดิ๊กให้ดูแล้วน้า...

    ป.ล.๒ แล้วปาย..แล้วปาย..ไม่มีปัญหาก็แล้วปาย.. ไม่งั้นล่ะก็ ฮึ่ม!

    ป.ล.๓ อ่านถ้อยความ ‘หากใช้ 'ผม' แต่อุปนิสัยขี้งอน ช่างหวั่นไหว คิดหยุมคิดหยิม ผู้อ่านอาจรู้สึกว่าเจ้า 'ผม' คนนี้เป็นกระเทย ’ ทำให้ข้าพเจ้าคิดว่าทั่นอาจจัด หน้าหวาน รูปร่างอรชร กิ๊บสีชมพู ไว้ในความคิดหยุมหยิม รึเปล่า?

    ป.ล.๔ ‘ชายหนุ่มผู้มีรูปกายบึกบึนสมชายชาตรี‘อยู่ใน’เสื้อกล้ามกางเกงยีนส์ขาเดบ’ ทั่นไม่รู้รึว่าผู้ชายคนนี้เขาแปลงกายเป็นแมลงสาบไปเกาะอยู่ในขากางเกง (ฮา)

    ป.ล.๕ ถ้าเปลี่ยน 'ผมกลัวเธอจะมองเห็นความหวั่นไหวที่มันเอ่อล้นอยู่ในแววตาของผม'
    เป็น 'ผมกลัวเธอจะมองเห็นประกายหวั่นไหวในแววตาของผม' ทั่นว่าเป็นไง?
    ข้าเจ้าว่ามันดูแข็งขึ้นมาหน่อย ไม่ปวกเปียกเหมือน 'เอ่อท้น'

    ป.ล.๖ ''รอยยิ้ม' เที่ยวนี้พริ้มเพราเกลากลึงไร้ริ้วลายให้ขัดสีฉวีวรรณจริง ๆ' ทำไมท่านไปบอกล่ะเจ้าคะว่า 'ยกเว้นชื่อเรื่อง!' (ฮา)

    ป.ล.๗ ขอถามนิด ท่านได้รับต้นร่างนิยายของท่านหนกรึยังเจ้าคะ? ไม่เห็นท่านบอกกล่าวข้าเจ้าเกรงแต่มันจะเดินทางไปไม่ถึงจุดหมาย

    ขอบพระคุณสำหรับทุกตัวอักษรใน ด.ดินการช่างเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  3. จริงสิทั่น!
    ป่านฉะนี้ต้นร่างนิยายท่านหนกยังไม่ถึงตู้ป.ณ.เลย
    ไม่ทราบท่านพอมีหลักฐานหมายเลขอะไรสักอย่างไหม ข้าพเจ้าจะได้ให้สหายนายป.ณ.ตรวจสอบ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ29 พฤษภาคม 2552 เวลา 14:59

    แง.....พิมพ์แล้วข้อความหายหมดเยยยยย

    พิมพ์ใหม่ก็ได้ฟะ!

    เข้าบ่ายแล้วสวัสดิ์ท่านดิลล์ที่เคารพ

    ไม่มีหลักฐานอะไรสักกะอย่างเจ้าค่ะ ข้าพเจ้าส่งแบบติดแสตมป์ไง เคยถามเค้าเมื่อครั้งกะโน้นว่าถ้าส่งของแล้วไปไม่ถึงปลายทางจะตรวจสอบได้ป่าว? เค้าบอกว่าถ้าส่งเป็นพัสดุ,ลงทะเบียน หรือ EMS น่ะตรวจสอบได้แต่ถ้าติดแสตมป์ธรรมดาตรวจสอบบ่ได๋

    ไม่รู้ผิดพลาดที่ไปรษณีย์หรือที่บริการงานไปรษณีย์

    ข้าพเจ้าไม่ได้ไปส่งที่ถึงที่ทำการไปรษณีย์หรอกเจ้าค่ะ ฝากที่บริการงานไปรษณีย์ใกล้ที่พักสะดวกดี ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด แถวที่พักข้าพเจ้ามีให้เลือกตั้งสามสี่ที่แน่ะ ครานี้ส่งของไปไม่ถึงจุดหมายแบบนี้เห็นทีครั้งหน้าคงต้องเปลี่ยนที่ใหม่

    สุขสันต์วันสุขเจ้าค่ะ
    สายลม

    อ้อ...ขอบพระคุณสำหรับจดหมายนะทั่น ตื่นเช้าจริงเชียว

    ตอบลบ