๑๏ ทุกคราวกล่าวคำคล้องลองลิขิต
นั่งเขียนคิดค้นความตามประสา
จากแตะต้อยต้อยเตาะลัดเลาะมา
จนเติบกล้ากร้านกรำประคำกรอง
๒๏ แย้มคำครูอยู่ข้างเอาอย่างเยี่ยง
สัมผัสเสียงสัมผัสความย้ำสนอง
เป็นกลอนแปดเกริ่นกานท์สานครรลอง
เอื้อนคำพ้องเพียงรักหวังพักใจ
๓๏ ทุกถ้อยคำจำมั่นไม่ผันพราก
ทวนท่องจากเอกโทจนโตใหญ่
ยังตรึงจดตราจำทุกคำไป
ทวนทบได้เทียบเคียงรรรเรียงมา
๏ บัดเดี๋ยวดังหง่างเหง่งวังเววแว่ว
สะดุ้งแล้วเหลียวแลชะแง้หา
เห็นโยคีขี่รุ้งพุ่งออกมา
ประคองพาไปจนบนบรรพต
๏ แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์
มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนด
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน ฯ
๔๏ งามคมคำขำคมงามคมคิด
งามพินิจพิจารณามรรคาผล
เพราะคำงามใช่งามเพียงยามยล
แต่งามล้นคนชมด้วยคมความ
๕๏ เป็นคุรุคงค่าอักษราวาส
นานาชาตินบใจไม่อาจหยาม
งานศึกษางานวิจัยให้นิยาม
คุณูปการตระการข้ามล้ำเวลา
๖๏ ทุกครากล่าวคำคล้องคล่องลิขิต
จะเขียนคิดน้อมจิตวินิจหา
ทุกถ้อยคำพร่ำสรรพรรณนา
ล้วนคุณครูสืบค่าวรรณกรรม ฯ
Technorati Tags: กลอน, สุนทร (ภู่)
Tags: poem
, The Note Book