๏ ปางพี่รักเจ้าเฝ้าทวนเทวษถวิล
เหมือนสายธารน้ำใสเรื่อยไหลริน
รักแก่งหินเกินกาลจะราญลง
เหมือนปรอยฝนหล่นปลิวเป็นริ้วม่าน
รักแมกไม้ลดามาลย์ปานลุ่มหลง
หมู่เมฆขาวเคียงกันยังมั่นคง
รักท้องฟ้าธำรงมิเลือนเลย
คณนากว่าประเมินก็เกินนับ
จะขานรับก็ขาดคำร่ำเฉลย
จนถ้อยนักสุดจักหามาเปรียบเปรย
อย่าเฉยเมยมองหมางเหมือนอย่างเมิน
หากบินได้ดังวิหกที่ผกผิน
ก็จะบินดุจนกวิหกเหิร
พาเจ้าร่อนลมไปพักใจเพลิน
ล่วงดำเนินแดนด้าวดาวดึงส์
นี่เพียงกายหมายมาดก็ขาดสิ้น
แค่ลมลิ้นฤาคลายจิตความคิดถึง
เพียงสองขาสาใจให้คนึง
ลุ่มรักรึงร้อนทรวงรุมห้วงใจ
ต่อแต่นี้คงจมทุกข์เทวษ
อาณาเขตเนตรฤดีอยู่ที่ไหน
โปรดสำแดงให้เห็นหน่อยเป็นไร
ให้พี่ได้ก้าวไปในดวงตา
ห่างเหลือเกินระยะทางมาขวางกั้น
จักหมายมั่นมุ่งจิตคิดไปหา
ห่างเพียงกายทุรกรรมหานำพา
หวังเพียงว่าสองใจมิไกลกัน
วิบากกรรมชาติก่อนคงเคยพราก
แกล้งหมู่สัตว์มามากหลากอาถรรพ์
แยกลูกห่างอกแม่รังแกมัน
จึงถูกทัณฑ์ทรมานในวันนี้
แม้นดวงใจหาไม่อาลัยรัก
ด้อยค่านักเฉกเดนคิดเบนหนี
เบื่อคำหยาบสาบพจน์บทกวี
โปรดขยี้เข่นขย่ำให้หนำมือ
สุดแต่ใจคนดีปรานีรัก
หมายสมัครจักสมานให้นานหรือ
ตัดเยื่อใยต่อกันบั่นคามือ
ไม่ดึงดื้อแม้คำใจจำนน
ก็จะไปตามประสาคนอาภัพ
เต็มใจรับชะตากรรมซ้ำกี่หน
ร่างกายคงกรำการด้วยทานทน
ใจทุรนคงตายแล้วแก้วตาเอย ฯ
Technorati Tags:

12 ความคิดเห็น:

  1. เรไรรวดร้าว : ปางน้องรักพี่

    ๏ ปางน้องรักพี่ฤดีถ้วนเทวษถวิล
    เหมือนพสุธาโอบเอื้อเกื้อชีวิน
    รักดารินเกินจันทร์จะกั้นกลาง

    เหมือนน้ำค้างหยาดเกล็ดเป็นเพชรใส
    รักเรียวหญ้าโล้ใบเกินใครขวาง
    สายลมแผ่วยังพลิ้วมาบางบาง
    รักโลกกว้างทางเถื่อนมิเลือนลา

    คณนากว่าประมาณเกินการณ์คิด
    จะลิขิตก็เกินถ้อยร้อยภาษา
    จนคำกล่าวสาวเค้นเป็นวาจา
    อย่าเมินหน้าหมางหมองไม่มองเมียง

    หากบินได้เหมือนผีเสื้ออะเคื้อทุ่ง
    จะโฉบปีกร่ายฟุ้งทั่วทุ่งเถียง
    พาพี่ร่อนลมไปคู่ใจเคียง
    สู่วังเวียงถิ่นแถนเยี่ยมแดนฟ้า

    นี่เพียงกายหมายมั่นก็บั่นสิ้น
    แค่ลมลิ้นฤาซ่านซึ้งคะนึงหา
    เพียงสองแขนก็ยากแม้นจะไขว่คว้า
    ร้าวอุรารุ่มร้อนรอนฤทัย

    ต่อแต่นี้คงจมทุกข์ถวิล
    ไม่สุดสิ้นสายรักให้ผลักไส
    ยากตัดเยื่อร้างสวาทอนาถใจ
    จะมีไหมทุกข์ทั้งแหล่เกินแต่นี้

    ห่างเหลือเกินระยะทางมาพรางพราก
    ให้ทุกข์ยากด้วยจิตคิดถึงพี่
    กายห่างไกลอย่างไรมิไยดี
    เพียงรักนี้คล้องใจมิไกลกัน

    วิบากกรรมไฉนในชาติก่อน
    ถึงยอกย้อนซ้อนมาดั่งอาถรรพ์
    คงเป็นบาปหนักแท้แต่ปางบรรพ์
    ตามลงทัณฑ์ทุกข์ทนถึงหนนี้

    โอ้ ดวงใจไม่สิ้นไร้อาลัยรัก
    เฝ้าฟูมฟักสมัครมั่นไม่ผันหนี
    หลงคำหวานผ่านพจน์บทกวี
    แม้นคนดีลวงสิ้นด้วยลิ้นลวง

    สุดแต่ใจของพี่ปรานีน้อง
    จะสนองปองสมัครให้รักล่วง
    หรือสะบั้นบั่นทิ้งทุกสิ่งปวง
    ก็ไม่ทวงถามไถ่ใจจำนน

    ด้วยเพราะรักจึงสมัครจักสมาน
    แม้นจะนานกาลเปลี่ยนเวียนกี่หน
    ดวงใจหนึ่งซึ้งซับรับทุกข์ทน
    ยังมากล้นสายใยแก้วใจเอยฯ


    *ปรับแก้ก๊อกๆ แก๊กๆ ดูดีขึ้นไหมทั่น?

    ตอบลบ
  2. หมดแรงแกงพุงปลาสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    อินเตอร์เน็ตใช้ได้แล้ว ตัวเราเตอร์มันเสีย คุณพี่เจ้านายแอบเอามาเปลี่ยนให้เมื่อคืนตอนหลังเที่ยงคืนไปแล้ว

    ข้าพเจ้าบ่ได้เป็นสาวออฟฟิศดอกเจ้าค่ะ ที่ทำงานก็อยู่กันแบบครอบครัว มีเจ้านายเป็นพี่ชายใจดีสองหน่อ มีเพื่อนรวมงานเป็นพี่เป็นน้องกันร่วมสี่ชีวิต แยกเป็นสองชุด ชุดจันทร์-ศุกร์สองคน ชุดเสาร์-อาทิตย์อีกสองคน งานที่ทำไม่จำเป็นต้องใช้เน็ต แต่คุณพี่เจ้านายพี่ชายใจดีติดตั้งให้เล่นกัน ให้พนักงานได้หาความรู้ เสิร์ชหาข้อมูล หรือแก้เซ็งยามว่าง

    พนักงานสี่ชีวิตที่มีอยู่ก็ทำงานไปตามหน้าที่ของตน ถึงเวลาเข้างานก็ทำงาน ถึงเวลาเลิกงานก็เลิก ไม่มีเจ้านายมาคอยคุม จู้จี้ สั่งโน่นสั่งนี่ เพราะเจ้านายจะเข้ามาอาทิตย์ละครั้ง ระหว่างนี้หากมีปัญหาอะไรก็โทรไปแจ้ง ต้องการอะไรก็โทรไปบอก พี่ทั่นจะจัดหามาให้

    อย่างอินเตอร์เน็ตใช้ไม่ได้ก็โทรไปบอก พี่ทั่นเข้ามาดูเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร เพราะระบบ LAN ครบวงจร สัญญาณเน็ตยังวิ่งปกติ ไปตามคุณพี่ร้านคอมพ์มาช่วยดูให้ คุณพี่ช่างฯบอกว่าตัวเราเตอร์เสีย เสร็จแล้วคุณพี่ช่างฯ ก็ย้ายก้นกลับร้าน

    เหลือเจ้านายกับลูกน้องยืนมองตากันปริบๆ

    คุณพี่เจ้านายใจดีจึงเลยเอ่ยถาม
    "เราเตอร์เสียเราจะทำยังไงกันดีครับ"
    "พี่ก็ซื้อใหม่สิคะ"
    "อ้อ เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับ"

    จบข่าว!!

    หายไปสามสี่วันอินเตอร์เน็ตก็กลับมาใช้ได้ดีดังเดิม เย้! เย้! แล้วข้าพเจ้าก็ได้แปลงกายกลับมาเป็นสาวไซเบอร์อีกครั้ง วิ้ววววว

    gprs ของ dtac คุ้นๆ เหมือนเพื่อนใช้เจ้าค่ะ เด๋วจะลองถามให้ แต่รอให้เติมตังค์มือถือก่อนนะ ตอนนี้มันมีอยู่ยีบห้าตังค์ ยิงออกได้อย่างเดียว โทรไปธุระทั้งทียังต้องยิงอีกเกรงใจมัน

    ส่วนคำศัพท์รอให้เสร็จก่อนเจ้าค่ะ จะลองรวบรวมดู ที่หาเช็คนั่นส่วนมากเป็นคำที่ไม่แน่ใจ แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคำที่ใช้ถูกอยู่แล้ว

    แต่ข้าพเจ้ายังติดใจคำนี้ไม่หาย 'แผ่หรา' เจอคำนี้ในหนังสือหลายเล่มเลย ในกวีซีไรต์ก็ยังได้เจอ แต่ในพจฯออนไลน์ดันไม่มีความหมายซะงั้น หรือกวีท่านจะลอดรูพจนานุกรมอย่างที่ท่านพี่อ้ายพุ่มฯ ว่า

    แต่ว่าก็ว่าเถอะ ข้าพเจ้าก็ชอบ 'แผ่หรา' มากกว่า 'แผ่หลา' ซะอีก

    เอาล่ะ ต้องทำงานต่อแล้ว

    สุขสวัสดิ์นะทั่น
    สายลม

    ตอบลบ
  3. เข้าบ่ายสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    วันนี้รูมเมทข้าพเจ้าหยุดงาน ทุกวันหยุดแม่คุณจะทำกับข้าวทานเอง ข้าพเจ้าก็พลอยฟ้าพลอยฝนได้ลาบปากสบายท้องไปด้วย วันจันทร์ก่อนโน้นคุณเธอแกงพริกไก่ วันจันทร์ถัดมาแกงพริกหมู ถัดมาอีกจันทร์ก็แกงพริกเนื้อ มาวันนี้แกงพริกปลาดุกเจ้าค่ะ ข้าพเจ้ากะลังรอลุ้นอยู่ว่าจันทร์หน้าจะเป็นแกงพริกอะไร

    กินข้าวเสร็จข้าพเจ้าก็จัดการเคลื่อนตัวลี้ภัยออกนอกพื้นที่ กระดึ๊บมามุดหัวอยู่ในห้องพระสหาย ห้องอันสงบเงียบ สงัดวังเวง มองไปทางระเบียงเห็นยอดมะพร้าวส่ายไหวๆ อยู่ในสายลม เสียงนกหยอกล้อกันเจี๋ยวจ๋าว เพื่อนมันเคยบอกว่าช่วงหน้าฝนหลังฝนตกจะได้ยินเสียงกบเสียงเขียดระงมกันลั่นไปหมด ได้บรรยากาศบ้านนอกจีงจีง

    นี่ขนาดอยู่ห่างจากห้องข้าพเจ้าแค่สี่ห้าป้ายรถเมล์แค่นั้นเองนะทั่น ไม่อยากจะเชื่อ

    สอบถามเรื่อง gprs ที่สหายใช้ให้แล้วนะทั่น ปรากฏว่าคนที่ข้าพเจ้าคิดว่าเค้าใช้ของ dtac น่ะ เค้าใช้ระบบ true เจ้าค่ะ 250/เดือน เหมือนกัน แม่นางบ่นว่าโหลยโท่ยมากมาย อ้อ คุณเธอใช้อยู่ที่สุราษฎร์น่ะเจ้าค่ะ บอกว่าขนาดฟ้าร้องฝนยังไม่ทันตกเลย เปิดไม่ได้แระ

    ส่วน dtac นั่น รูมเมทของข้าพเจ้าเคยใช้เจ้าค่ะ เมื่อประมาณสองสามปีที่แล้ว ตอนนั้นค่าบริการ 40 ช.ม. 99 บาท(แม่คุณวงเล็บมาตอนท้ายว่า ถ้าจำไม่ผิดอะนะ) โหลดอืดอย่างแรง ตอนนี้ไม่รู้ระบบจะเป็นไงบ้าง ค่าบริการก็อาจเปลี่ยนแปลงไป

    เอาล่ะ จะผลุบหัวปั่นนิยายแล้ว อาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เขียนเรื่องใหม่เลย มีแต่นั่งหัวฟูอยู่กับเรื่องเก่า เสร็จเรื่องเสร็จราวกันสักที ทีนี้ข้าพเจ้าก็จะเลิกสนใจมันแล้วล่ะ ปั่นเรื่องใหม่ได้สบายใจหายห่วง ตั้งใจไว้ว่าเรื่องนี้จะให้เสร็จภายในปีนี้ มาดูกันสิ จะมุดน้ำไปได้สักกี่บุ๋ย

    สุขสันต์หรรษาอุราสดใสกับการเขียนและชีวิตประจำวันเจ้าค่ะ

    ด้วยความเคารพกว้างใหญ่เท่าร้อยเอ็ดเจ็ดย่านสมุทรไปสิ้นสุดนะขอบหล้าฟ้าเขียว
    สายลม

    ป.ล. ถ้อยความชวนคุยไร้สาระจากข้าพเจ้า ถ้าท่านไม่มีเวลาก็ไม่ต้องตอบดอกนะทั่น ข้าพเจ้าแค่แวะมาคุยเล่นสนุกๆ หาได้จริงจังอะไร

    ตอบลบ
  4. ร้อนแดดบ่ายสวัสดิ์ทั่น

    ข้าพเจ้าเคยมีชีวิตสุขสบาย คิดย้อนก็ยังอิจฉาตัวเองยามนั้นอยู่ครามครัน กระต๊อบไม้ไผ่ใต้เงาโพธิ์ทะเล ยามเช้าได้แดดพออุ่น ล่วงสายอากาศเย็นสบาย ไม่ว่าทำอะไรล้วนเพลินใจ ยามบ่ายไอแดดแผดจ้า ร้อนไปทุกหย่อมหญ้า จับต้องวัตถุใดล้วนลวกร้อนราวไฟลน แต่ใต้เงาโพธิ์ทะเล ยังมีลมพัดเย็นสบาย ข้าพเจ้าขยับกายออกมาริมระเบียง ได้เครื่องดื่มอุ่น ๆ สักแก้ว คุ๊กกี้สองสามชิ้น อิงหมอนไว้กับราวระเบียง รอลมเย็นแผ่วพัดมาทักทาย

    เท่านี้ก็ผ่านยามบ่ายอย่างรื่นรมย์

    เผลอแผลบเดียวก็ล่วงเย็นสนธยา ส่ายตาหากับข้าวกับปลา นั่งห้อยขากินข้าวกับอาทิตย์อัสดง จุดธูปอินเดียปักพออวลกลิ่นชวนใจสงบ นั่งเขียนกลอนกว่าง่วงนอน

    มุดเข้ามุ้ง รอเช้าวันใหม่กรายมา

    วันเวลาดีงามเหล่านั้นสูญลับไปจากข้าพเจ้านานแล้ว สูญลับตั้งแต่ปลวกมันเริ่มยกพวกบุก กันอย่างไรก็ไม่อยู่ (ข้าพเจ้าไม่ใช้ยา)

    ถึงยามนี้ยังไม่สามารถเรียกวันเวลาดีงามคืนกลับมา

    ขอบคุณที่ท่านโผล่มาชวนคุย พอให้อาศรมอักขรานี้ไม่เงียบเหงา ข้าพเจ้าเขียนหนังสือช้า ครั้นลงมือคิดเขียนนิยาย การอื่นเป็นไม่มีปัญญาหลงเหลือ เพราะวันหนึ่ง ๆ เขียนได้ก็เพียงความสั้น ๆ ความเดียว เขียนอย่างหนึ่ง อย่างอื่นจำผลัดออกไป ขอบคุณที่ท่านให้ความเข้าใจ

    พยายามฝึกจัดสรรเวลา แต่จนทุกวันนี้ก็ยังไม่ลงตัว อยากเขียนนิยายให้ได้ทุกวัน เขียนความเรียงทุกวัน อัพบล็อกทุกวัน โต้ตอบสหายทุกวัน เขียนกลอนทุกวันแค่วันละบทก็ยังดี แต่ทั้งหมดล้วนต้องใช้กำลังความคิด ไม่อาจสำเร็จได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ กระทำแค่วันละอย่างก็หืดขึ้นคอแล้ว (หลายวันมานี่ บางครั้งนั่งคิดตอนต่อของ 'อหังการ์ฯ' ไม่ออก ข้าพเจ้าคิดอยู่อย่างนั้นไม่ได้เขียนอย่างอื่น กลายเป็นเวลาผ่านไปไม่ได้อะไรเลย)

    ก็ยังหวังว่าสักวันจะทำสำเร็จ เขียนนิยายโดยไม่ติด ๆ ขัด ๆ เสร็จแต่ละตอนในเวลา และยังมีกำลังปัญญาเขียนงานอื่นได้อีก

    ขอบคุณสำหรับ Dtac ข้าพเจ้าเปลี่ยนมาใช้ Dtac แล้ว 150 บาทสำหรับ 50 ช.ม. คิดว่าคงโอเค แค่ใช้อัพบล็อกและค้นหาข้อมูลเมื่อต้องการรู้ (ของ True 250 บ.ไม่จำกัดช.ม. แต่หลังห้าโมงเย็นกับวันอาทิตย์เปิดแทบไม่ออก)

    ผลุบศีรษะปั่นนิยายตามสบายขะรับ ว่างเมื่อไรค่อยโผล่มาทักทาย ข้าพเจ้าจะนั่งคอยฟังเสียงฝีเท้าอักษรท่านผ่านมาอยู่ทุกทิวาราตรี

    ด้วยความเคารพสุดห้วงมหาดิลกภพ นพรัตนราชธานีบูรีรมย์ อุดมราชนิเวศน์มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์

    แฮ่!

    ตอบลบ
  5. 15:02 น. สวัสดิ์ท่านดิลล์ที่เคารพ

    โพธิ์ทะเลที่เคยเขียนใน 'ระเบียงใบไม้' ใช่ป่าวทั่น? ข้าพเจ้าเคยคลิกเข้าไปนั่งอ่านตอนว่างๆ ไม่แน่ใจว่าได้อ่านไปจนจบป่าว แต่คิดว่าได้อ่านไปหลายตอนแหละ

    วันนี้อุตส่าห์ตั้งใจตื่นตั้งแต่ไก่โห่(ไก่ที่ข้าพเจ้าเลี้ยงมันโห่ตอนแปดโมงเจ้าค่ะ อิอิ) ลุกขึ้นมาเดินเวียนรอบเตียงอยู่สามรอบ ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะปีนกลับไปนอนต่อหรือสะบัดก้นงามๆ ให้มันสักทีแล้วเลิกสนใจมันซะ

    ใจหนึ่งร่ำร้องให้ทำอย่างแรก อีกใจแข็งขืนไม่ยอมให้กระทำตามปรารถนา สุดท้ายใจหลังชนะ ด้วยความตั้งที่ว่าอยากเปลี่ยนนิสัยการนอนของตัวเองเสียใหม่ทำให้ความมุ่งมั่นเตะก้นตัวขี้เกียจซะกระเจิง

    ที่ผ่านมาข้าพเจ้านอนดึกจนเป็นนิสัย บางคืนตีสี่ตีห้าแล้วตายังแข็งโป๊กและที่ซ้ำร้ายกว่าบางวันพระอาทิตย์โผล่มายิ้มแฉ่งแล้วข้าพเจ้าก็ยังไม่ยอมนอน จนสภาพร่างกายทรุดโทรมเต็มที

    เมื่อเช้าถึงจะตื่นเช้าไม่มาก แต่รับรองได้คืนนี้ข้าพเจ้าคงหลับเร็วขึ้นแน่นอน(ถ้าไม่เผลอแอบงีบหลับระหว่างวันซะก่อนอ่ะนะ)

    คิดว่าตื่นเร็วจะได้เขียนงานเยอะขึ้น ที่ไหนได้มานั่งเลื้อยไปเลื้อยมาอยู่หน้าคอมพ์กว่าครึ่งชั่วโมง นาฬิกาผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าข้าพเจ้าก็หาวแล้วหาวเล่า หันกลับไปมองบนเตียงด้วยสีหน้าละห้อยหาอาลัยอาวรณ์ เห็นเพื่อนนอนน้ำลายยืดแล้วให้อิจฉามันเกินบรรยาย

    กว่าอักษรตัวแรกของวันใหม่จะออกเดินทางก็ปาเข้าไปเก้าโมง จนถึงตอนนี้บ่ายสามเข้าไปแล้วเพิ่งได้มาสามหน้า ต้องกลับมานั่งขูดนั่งเค้นเอาหัวโหม่งโป๊กๆ กันอีกแระกว่าจะได้มาสักตัว จบบทที่สองได้ข้าพเจ้าก็หาเรื่องออกมาสวีวี่วีนี่แหละเจ้าค่ะ

    หวังว่าท่านคงรื่นรมย์กับการเขียนดีนะเจ้าคะ

    ด้วยความเคารพ
    สายลม

    ตอบลบ
  6. สามหน้าก็ทำข้าพเจ้าตาโตเป็นไข่นกกระจอกเทศแล้วขะรับ ข้าพเจ้าเองเขียนได้วันละหน้านับว่าเก่งแล้ว บ่อยครั้งนั่งแต่แปดโมงเช้า (เลียนอย่างออฟฟิศอาวว์) ถึงเที่ยง ไม่ได้สักหน้า

    เฝ้าฝันอยากเขียนให้ได้วันละสิบหน้า ตอนนี้แค่วันละหน้าเลือดตาแทบกระเด็น ความฝันคงอีกสิบชาติ จึงจะบรรลุ

    เฒ่าโพธิ์ทะเลนั่นแลขะรับ เคยลองกลับไปอ่าน 'ระเบียงใบไม้' ภาษาเห่ยได้ใจ เห็นก็ขำดี นั่นคือข้าพเจ้าเมื่อแรกหัดเขียน (เก็บไว้เตือนตน)

    ขอ 'นุญาตเขียน 'อหังการ์' จั๊กหน่อยขะรับ

    คารวะ

    ตอบลบ
  7. หวัดดีท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    สามวันแล้วที่ข้าพเจ้าตื่นนอนตั้งแต่แปดโมงเช้า วันแรกอาจลำบากที่ต้องแซะตัวเองลุกจากเตียง แต่เมื่อตื่นเช้าตกค่ำก็นอนเร็วขึ้น พอนอนเร็วก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะตื่นเช้าในวันรุ่งขึ้น วงจรชีวิตก็เป็นแบบนี้ ขอแค่พักผ่อนเพียงพอจะตื่นตอนไหนก็ตื่นได้ เมื่อเช้าจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะตื่นตอนแปดโมง ความจริงข้าพเจ้าเปิดเปลือกตาตั้งแต่เจ็ดโมงครึ่งด้วยซ้ำ

    เมื่อวานนี้งานเขียนไม่เดินหน้าอย่างใจคิด ได้มาแค่หน้าเดียว แต่มันก็ยังงี้แหละ อะไรมันก็มีขึ้นๆ ลงๆ จะเขียนให้ได้สิบหน้าสิบวันรวดมันก็อัจฉริยะเกินไป มืออาชีพยังทำได้รึเปล่าไม่รู้(เอาไว้ข้าพเจ้าได้เป็นมืออาชีพเมื่อไหร่แล้วจะมาบอกนะทั่น เขียนสิบหน้าสิบวันรวดได้เปล่า อิอิ)

    วันนี้นิยายก็ยังไม่โผล่มาเลยสักตัว คิดว่าหามื้อเช้าควบมื้อเที่ยง แถมชาเย็นสักถุงแล้วจะนั่งประเลงกันสักยก ก็ยังไม่รู้จะคืบหน้าไปได้สักแค่ไหน ไม่แน่ใจเลย ภาพในสมองมันไม่ค่อยแจ่ม เขียนมั่วๆ ไปกลัวจะออกมาไม่ดี ตอนนี้ไม่ดีก็เกรงจะเกี่ยวพันไปตอนหลังด้วย ข้าพเจ้าก็เลยได้แต่จดๆ จ้องๆ เขียนลบเขียนลบอยู่นั่น

    'ระเบียงใบไม้' ตอนอ่านข้าพเจ้าก็ว่าโอเคนะทั่น เรียบเรื่อยอ่านสบายๆ ดี แต่นี่แน่ะ มีหนังสือเล่มหนึ่งของทั่นที่ข้าพเจ้าอ่านแล้วต้องนั่งหัวเราะกึกๆ ความจริงก็รู้หรอกนะว่าทั่นไม่ได้เขียนเรื่องตลกขบขันให้อ่านกัน แต่ทำไงได้ก็คนมันขำ

    'จดหมายในขวดแก้ว' นั่นไงที่ข้าพเจ้ากล่าวถึง

    สมมติว่าถ้าข้าพเจ้าเป็นคนอื่นที่เผลอหลงเข้ามาโดยไม่เคยรู้จักทั่นมาก่อน ได้มานั่งอ่านจดหมายในขวดแก้ว ข้าพเจ้าก็คงซาบซ่านสะท้านทรวง ชวนให้เคลิบเคลิ้มหัวใจลอยล่อง แต่โชคร้ายจังที่ข้าพเจ้ารู้จักทั่นซะก่อน ตอนที่นั่งอ่านแทนที่จะซ่านสยิวกิ่วกิ้ว กลับต้องนั่งกึกๆ กักๆ(ไม่กล้าหัวเราะเสียงดังเจ้าค่ะ นั่งอ่านที่ทำงานกลัวคนอื่นจะหาว่าบ้า)

    เอาล่ะ เมื่อเช้าหม่ำหนมปังไปสองแผ่น ตอนนี้คงต้องหาอะไรเป็นมื้อเที่ยงแล้ว

    เต็มที่กับนิยายกำลังภายในนะทั่น วันสิ้นสุดการประลองแล้ว หนึ่งเดือนที่ผ่านมาทั่นได้น้ำได้เนื้อมาเยอะเลย

    ด้วยความเคารพ
    สายลม

    ตอบลบ
  8. http://sailomruk.blogspot.com/2009/07/blog-post_25.html#comments

    สอดความตอบทั่นในบันทึกเจ้าค่ะ

    ตอบลบ
  9. ทำไมอ่านจดหมายในขวดแก้วแล้วขำล่ะขะรับ แล้วเกี่ยวโยงกับรู้จักข้าพเจ้ามาก่อนอย่างไร

    หรือหากข้าพเจ้าจะเขียนแนวขำจะต้องเขียนอย่างจดหมายฯ :)

    เอ่อ..ท่านหมายถึง Letter in a Bottle ที่ Wordpress หรือ 'จดหมายจากดาวสีดิน' อ่าขะรับ?

    คารวะ

    ตอบลบ
  10. อืมม์..ต้องเป็นที่ Worspress สินะ เพราะท่านกล่าวถึงหนังสือ

    ข้าพเจ้าชอบใจหนังสือพวกนี้นะทั่น สหายสามารถเปิดอ่านได้โดยไม่มีต้นทุนผลิต หน้งสือเล่มข้าพเจ้าว่าเป็นต้นทุนสิ้นเปลืองแท้ ราคาที่จ่ายไปตกอยู่กับค่ากระดาษ ค่าสายส่ง ค่าจัดวางแทบสิ้น ที่ได้มาก็แค่ความพอใจสามารถพกพาอ่านสะดวก สักพักมีเครื่องอ่านถูก ๆ เข้ามาหนังสือข้าพเจ้าก็จะไม่ง้อสำนักพิมพ์ล่ะทีนี้ หรือท่านว่าไง?

    คารวะ

    ตอบลบ
  11. ที่ข้าพเจ้าอ่านน่ะเป็น Letter in a Bottle อย่างที่เข้าใจเจ้าค่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมถึงขำ ส่วนเกี่ยวโยงกับที่รู้จักผู้เขียนนั้นคงจะเป็น อืม..อืม.. อธิบายยังไงดี?

    เอาเป็นว่า สมมติว่าท่านรู้จักใครสักคน ที่ตลก โปกฮา บางทีก็ชอบทำอะไรโก๊ะๆ สร้างเสียงหัวเราะให้ท่านเสมอ แล้วอยู่ๆ วันหนึ่งท่านแอบไปเจอจดหมายที่คนๆ นั้นเขียนให้ใครอีกคน แบบว่าจดหมายมันหวานจนเลี่ยนขนาดมดยังต้องร้องยี้ เป็นท่าน ท่านจะนั่งขำหรือจะนั่งซึ้ง?

    ถ้าเราไม่รู้จักเจ้าของจดหมายอารมณ์และจินตนาการของเราจะเปลี่ยนไปอีกอย่างใช่มั้ยล่ะ?

    'หรือหากข้าพเจ้าจะเขียนแนวขำจะต้องเขียนอย่างจดหมายฯ :)'

    ถ้าคิดจะทำแบบนี้จริงๆ ขอบอกว่าอาจมีแต่ข้าพเจ้าคนเดียวกระมังที่นั่งขำ และขอบอกว่าไม่ว่าท่านจะเขียนแนวไหนมา สำหรับข้าพเจ้าแล้ว เป็นแนวขำขันทั้งแหละ ต่อให้ท่านเขียนบทเศร้ารันทด ใครๆ อ่านพากันน้ำตาไหลพราก มาให้ข้าพเจ้าอ่านข้าพเจ้าก็ยังนั่งหัวเราะก๊ากๆ อยู่ดี(แม้ต้องหัวเราะทั้งน้ำตาข้าพเจ้าก็จะหัวเราะ ฮึ่ม!)

    ส่วนหนังสือกับโรงพิมพ์นั่นข้าพเจ้าไม่มีความเห็นเจ้าค่ะ ท่านจะทำหนังสือมารูปแบบไหน ทำไปเถิด ข้าพเจ้ารออ่านอย่างเดียว อิอิ

    ข้าพเจ้าเหลวเป๋วมาสามวันแล้ว เหลืออีกสองวันสำหรับวันหยุดอาทิตย์นี้ หวังว่าข้าพเจ้าคงมีอะไรติดไม้ติดมือไปเป็นเสบียงให้อาทิตย์หน้าได้ต่อยอดบ้าง

    ว่าแต่ไชยาท่านไปถึงไหนแล้วฤายังเขียนอยู่ป่าว? ไม่เห็นนานแล้ว แล้วกาลครั้งหนึ่งนี่จะเขียนสักกี่ร้อยหน้ากันท่าน ถึงได้กำหนดสิ้นตุลาฯ สามเดือนจะพอฤา? แต่อย่างว่าถ้าตั้งใจข้าพเจ้าเชื่อว่าทั่นทำได้ หนึ่งแรงใจส่งให้อยู่เสมอ อย่าไปเผลอทิ้งกลางคันก็แล้วกัน เดี๋ยวจะลากยาวถึงสองปีเหมือนของข้าพเจ้า ^^!

    แล้วก็นี่แน่ะอีกเรื่องนึง ว่าจะถาม จะถาม แล้วลืมทุกที โรคมือสปาร์คกับเครื่องใช้ไฟฟ้าของท่านหายดีแล้วรึ? เห็นท่านใช้เครื่องได้คล่องแคล่วแล้วสบายใจไปด้วยเจ้าค่ะ

    อ้อ แล้วก็อีกนิดนึง ว่าจะไม่ถาม ไม่ถาม แต่มันตงิดๆ จนอดถามไม่ได้

    'ลุ่มรักรึงร้อนทรวงรุมห้วงใจ' ใน 'ปางพี่ฯ'

    'ลุ่ม' ในที่นี้หมายถึงอะไรหรือท่าน? ลุ่มหลงในรัก หรือว่า ความรักลุ่มๆ ดอนๆ หรือ รุ่มร้อนด้วยพิษรัก?

    มีความสุขกับชีวิตประจำวันเจ้าค่ะ

    ด้วยความเคารพ

    ตอบลบ
  12. แฮ่..ดีแฮะท่านเห็นข้าพเจ้าฮา

    'ไชยา' ไปต่อไม่ได้แล้วขะรับ เนื้อหาจืดข้าพเจ้าไม่สนุกที่จะเขียน รอไว้ให้อะไรสักอย่างผุดขึ้นในกะโหลกแล้วค่อยรื้อดูอีกที อีกอย่างเมื่อเทียบกับ 'กาลครั้งหนึ่ง' คิดว่าเข็นกาลครั้งหนึ่งน่าจะเหมาะกว่า (สำหรับส่งทมยันตีอะวอร์ดปลายปี) แต่สามเดือน (นี่ก็ล่วงมาหลายวันแระ) ดูเหมือนจะเร่งรัดเกินไปสำหรับมือละอ่อน ไม่เป็นไรขอรับ ทันก็ทันไม่ทันก็ไม่ทัน ข้าพเจ้าชัดเจน เขียนเอาความสุขเพลินจำเริญใจตนเป็นที่ตั้ง

    อุปสรรคใหญ่หลวงยามนี้คือชีวิตประจำวัน

    จนป่านนี้ข้าพเจ้ายังไม่มีที่อยู่ อาศัยนอนเต้นท์มาร่วมเดือนแล้ว ฝุ่นลูกรังจากถนนพัดมาจนข้าพเจ้าไม่เป็นอันอยู่อันนอน ขนำที่เพิ่งซ่อมหลังคาเสร็จเป็นอันสูญเปล่า อยู่ไม่ได้ แต่เต้นท์ก็ไม่ทนฝน พายุมาทีไรต้องหอบหนีให้วุ่น

    นี่ก็คุยกับช่างแล้วให้ช่วยมาสร้างขนำลูกเล็ก ๆ อยู่ชายป่า ไกลถนนสักหน่อย รอแกว่างคงอีกหลายวันขะรับ

    ชีวิตช่วงนี้ทุลักทุเลพอดู

    อาการผังผืดหุ้มปลายประสาทยังมีอยู่นิดหน่อย ข้าพเจ้าแช่มือในน้ำอุ่นเช้า-เย็น เพิ่มงาดำในข้าว กินเม็ดทานตะวันตามหลังอาหาร (เพิ่มวิตตามิน B) ดูเหมือนยังทรง ไม่ถึงกับทรุด และไม่เป็นมากจนแตะคีย์ไม่ได้เหมือนเมื่อเริ่มแสดงอาการ จะพยายามรักษาระดับนี้ไว้ เพราะแค่นี้ก็พิมพ์งานได้โดยไม่ทรมานเหมือนก่อน (ตอนนั้นเป็นเอาหนักถึงปวดไหล่..ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว)

    ขอบคุณที่ถามถึง ทั้งไชยาและอาการเจ็บป่วยของร่างกาย อีกขอบคุณสำหรับ 'ลุ่มหลง' 'รุ่มร้อน' ข้าพเจ้าขอ'นุญาตเลือก 'ลุ่มหลง' นะขะรับ เพราะหากเลือก 'รุ่มร้อน' จะต้องกลับไปแก้

    จะพยายามมีความสุขทุกวันขอรับ

    ด้วยความเคารพเช่นกัลล์

    ตอบลบ