มิ่งมิตรผู้เก็บรักษาดวงใจรักแห่งฉัน

ฉันในวัยเยาว์เป็นเด็กน้อยโดดเดี่ยว ขี้แพ้ ไร้เพื่อน ไม่ว่าละเล่นใดซึ่งเด็ก ๆ เล่นกัน ฉันมักเป็นที่โหล่ ไม่ก็ถูกกันออกนอกวง ไม่มีใครต้องการให้ร่วมทีมด้วยเกรงเป็นตัวถ่วง อุปกรณ์ในสนามเด็กเล่นที่เหมาะกับฉันมักเป็นเครื่องเล่นลำพัง ฉันจะถูกแกล้งให้ลอยค้างอยู่นาน ๆ บนกระดานหกเพราะตัวเบากว่าเด็กคนอื่น ถูกเด็กโตทับเพราะลุกขึ้นไม่ทันเมื่อไหลสุดกระดานลื่น ต้องกอดไม้หมุนไว้แน่นเมื่อพวกเด็กหมุนเร็วจนฉันแทบตก


แต่ฉันยังชอบไปสนามเด็กเล่นทุกเย็น

ที่เหมาะกับฉันเป็นพื้นหญ้านุ่มซึ่งห่างออกมาจากเครื่องเล่นเหล่านั้น ฉันนอนลงแล้วมองพวกเด็ก ๆ ผ่านใบหญ้ากว้างใหญ่ตรงหน้า บางใบใหญ่จนบังตาแทบมิด พวกเด็ก ๆ เหลือตัวเล็กนิดเดียว พวกเขายังคงโลดเล่นไปมาสนุกสนาน..โดยไม่มีฉัน ฉันมองไปบนท้องฟ้า ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ เพื่อนลอยได้ที่ไม่เคยแกล้งกัน

มิ่งมิตรของฉัน วัยเยาว์ไม่เคยเลือนหายเลย ฉันในวันนี้ยังคงโดดเดี่ยว ขี้แพ้ ไร้เพื่อน ปลีกจากอารยธรรมจอมปลอม ยื้อแย่ง แข่งขัน สร้างขยะ สะสมความต้องการไร้ที่สุดสิ้น มาอยู่ในโลกวิเวก โลกที่มีทิวเมฆ แมกไม้ ฝูงปลา และเสียงนกเป็นเพื่อน เหลือบมองสังคมผ่านจอเล็ก ๆ โดยไม่คิดข้องแวะ ฉันยังนอนลงบนพื้นหญ้า มองไปบนท้องฟ้า มองเพื่อนเมฆลอยไปมา เรียนรู้และรับรู้เมื่อสายตาวางอยู่ในระดับต่ำกว่าที่คุ้นเคย อยู่บนระนาบเดียวกับต้นหญ้าใบน้อย

ไ่ม่ใช่แปลกแยก มิใช่พ่ายต่อปฎิสัมพันธ์สังคม

ขณะฉันคว้างอยู่ระหว่างความอ่อนโยนไร้เดียงสาของวัยเยาว์กับความก้าวร้าวหยาบกระด้างของชราภาพ ชีวิตได้สอนให้เรียนรู้ว่าปฎิสัมพันธ์เช่นไรควรถนอม มิตรภาพเยี่ยงไรควรรักษาระยะห่างไว้แค่ไหน เพื่อเวลาชีวิตจักไม่สูญเปล่าไปกับความผูกพันที่เพียงเพื่อผ่านพ้น         

วันที่ตัวอักษรของเรารู้จักกัน ฉันทั้งยินดีและหวั่นหวาด เหมือนเกลียวคลื่นขาวที่โถมมานั้นดูสวยงามน่าสัมผัสแต่ความเค็มก็ทำให้แสบจนต้องหลับตาไม่มอง ทุกการพบล้วนมีพรากติดตามมาประดุจล้อเกวียนเคลื่อนติดตามรอยเท้าโค สำหรับผู้ที่ดื่มมิตรภาพสังสรรค์จนจำเจนั้นหาเป็นไรไม่หากจะพบและพรากสักกี่ร้อยพันครั้ง แต่กับดวงดาวโดดเดี่ยวที่ฉันดำรงอยู่ ทุกการพรากล้วนรองรับไว้ด้วยแพรผ้าแห่งสายน้ำตา

อักษรามิตรฉันน้อยเหลือเกิน การจากไปของพวกเขาแต่ละครั้งจึงเป็นความสูญเสีย บั่นทอนกำลังใจที่จะก้าวไป จึงต้องระมัดระวังการพบเพื่อลดความสูญเสียของการพราก

แม้นตระหนักเื่มื่อตัวอักษรเราพบกัน สักวันย่อมต้องพรากจาก สิ่งสมควรกระทำก็คือรักษาช่วงเวลาระหว่างนี้ไว้ให้ดีที่สุด นานที่สุด ฉันตั้งใจกระทำและจะกระทำนานไปตราบเท่าตัวอักษรของเธอยังคงเดินทาง

ผู้คนมากมายพยายามสร้างเครือข่ายมิตรภาพจนเห็นเป็นของเล่นของสะสม พบกันเพียงครู่แล้วปัดเป็นอดีตที่ถูกลืมทิ้งไม่ต่างม้วนกระดาษชำระ แล้วมองหาม้วนใหม่ต่อไป แต่ที่ดาวของฉันเราหวงมิตรภาพไว้ไม่ให้กันโดยง่ายใจ ไม่ทำลายโดยแกล้งลืม เราเรียนรู้รักษาระยะวงล้อแห่งมิตรไมตรีไม่ยินดีใกล้เพียงเพื่อที่จะกระดอนห่างกันไปจนสุดสายสัมพันธ์    

ทั้งหมดก็เพื่อรักษาเธอไว้ให้เป็นปัจจุบัน..ตลอดไป

ยังเหมือนวันแรกเจอ
ริมทะเลสาบดาวสีดิน
กรุ่นกลิ่นฝนเดือนพฤศจิกาฯ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น