จาก : จุดประกายวรรณกรรม เบื้องหลังโต๊ะ บก. พรชัย จัทโศก
บ่อยครั้งคุณอาจเคยได้ยินได้ฟังเรื่องเล่าจากนักเขียนรุ่นใหญ่ถึงบรรยากาศการพบปะสังสรรค์ตามประสาพี่น้องผองเพื่อน..เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดความเห็นเกี่ยวกับงานเขียนเรื่อยไปจนถึงเรื่องสัพเพเหระ  กระทั่งเรื่องสั้นหรือนวนิยายชื่อดังหลาย ๆ เรื่อง มีที่มาจากวงเหล้าอันครึ้นเครงนี้เอง
ล่าสุดกับผลงานรวมเรื่องสั้นชุด เรื่องของเรา (The Story Of Us) โดย 9 นักเขียนหนุ่ม-สาวน้อยใหญ่ในนาม คณะพลเมืองเรื่องสั้น อันก่อตั้งขึ้นมาจากการท้าทายเขียนเรื่องสั้นแลกกันอ่านเพื่อวิจารณ์กันเดือนละหน  โดยมีพี่ใหญ่อย่าง เวียง-วชิระ บัวสนธ์ จากสำนักพิมพ์สามัญชนและบรรณาธิการมือฉกาจเป็นตัวตั้งตัวตี และมี อธิคม คุณาวุฒิ บรรณาธิการนิตยสาร WAY เป็นกองหนุนหลัก พร้อมด้วยนักเขียนไฟแรงทั้ง ศิริวร แก้วกาญจน์, ทินกร หุตากูร และวัชระ สัจจะสารสิน
เรื่องสั้นจำนวน 9 เรื่องจาก 9 นักเขียน ได้แก่ 1 การเคลื่อนย้ายของบางสิ่ง ของ วัชระ สัจจะสารสิน  2 แม่ ของ อุเทน วงศ์จินดา 3 ความเข้าใจเบื้องต้นเรื่องวัวในประเทศพม่า ของ ศิริวร แก้วการญจน์ 4 คืนนั้น ของ เวียง-วชิระ บัวสนธ์ 5 กรุณาเรียกผมว่าอาร์ตไดเร็กเตอร์ ของ ณขวัญ ศรีอรุโณทัย 6 บทสัมภาษณ์ 'บานาน่า' แม่มด! ของ กันต์ธร อักษรนำ 7 ระหว่างที่ฝนตก ของ วีรพงษ์ สุนทรฉัตราวัฒน์ 8 ฝนแมว ดอกเตอร์ขี้และผู้หญิงสี่รู ของ สันติ กาญจนประกร และ 9 นักฟิสิกส์ ของ ทินกร หุตางกูร โดยมี อธิคม คุณาวุฒิ เป็นบรรณาธิการเล่ม
เมื่อย่ำเย็นของวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ณ ร้านครัวป้านงค์ ถือเป็นการบอกกล่าวข่าวอันเป็นสิริมงคลต่อวงการวรรณกรรมไทยของ 'คณะพลเมืองเรื่องสั้น' เพราะนอกจากจะเป็นการนัดพบปะสังสรรค์อย่างเป็นกันเองแล้วยังมีการพูดคุยถึงจุดเริ่มต้นของการรวมกลุ่มจนกระทั่งออกมาเป็นผลงานรวมเรื่องสั้นชุดนี้..
อธิคม คุณาวุฒิเกริ่นนำก่อนว่า "เรื่องทั้งหมดน่าจะเริ่มต้นจากจังหวะชุลมุนในวงสนทนาเมื่อปลายปีที่แล้ว  พี่ชายผู้รักใคร่เอาจริงเอาจังกับงานวรรณกรรมเปรยขึ้นมาว่าไหน ๆ 'พวกเรา' ที่ว่านั้นต่างก็ล้วนประกาศตนทั้งทางตรงและทางอ้อมว่า..ข้าพเจ้าเป็นผู้รักใคร่ใส่ใจวรรณกรรมกันแทบทั้งสิ้น แล้วเหตุไฉนเราไม่ลองเขียนเรื่องสั้นประชันกันเดือนละชิ้น  เพื่อความครึกครื้น รื่นรมย์ และก่อให้เกิดประเด็นสร้างสรรค์ในวงสนทนาบ้างเล่า.."
"กติกาเบื้องต้นมีอยู่ว่าสมาชิกทุกคนต้องผลิตเรื่องสั้นส่งเข้าสู่การพิจารณาเดือนละ 1 เรื่อง โดยเป็นเรื่องสั้นที่ผู้เขียนพึงพอใจในคุณภาพหรือพูดอีกอย่างก็คือต้องไม่ก่อให้เกิดความละอายใจเมื่อได้เผยแพร่  เรื่องทั้งหมดจะถูกส่งไปให้ผู้รับใช้บริการเพื่อรวบรวมและจัดส่งต้นฉบับให้สมาชิกทุกคนได้อ่านอย่างพร้อมเพรียง  ขั้นตอนต่อมาคือ สมาชิกทุกคนต้องอ่านผลงานของเพื่อนร่วมคณะอย่างตั้งอกตั้งใจ  เพื่อดำเนินสู่กระบวนการให้คะแนน  โดยนักเขียนที่เป็นสมาชิกทุกคนจะต้องเรียงลำดับคะแนนเรื่องสั้นที่ดีที่สุดในรอบเดือนนั้นเป็นเรื่องที่ได้รับคะแนนสูงสุด  ไล่เรียงตามลำดับมาจนถึงเรื่องที่ดีน้อยที่สุดซึ่งจะได้ 1 คะแนน
'เรื่องของเรา'
9 เรื่องสั้นสีอำพันจาก 9 นักเขียน
สาเหตุที่เล่าตรงนี้เพราะมันมีประเด็นว่า  นอกเหนือจากเรียกร้องวินัยและเรียงร้องแรงบันดาลใจแล้ว  เรายังเรียกร้องการอ่าน การวิจารณ์และการประเมินคุณค่าของงานด้วย  ผมคิดว่าวัฒนธรรมข้อหลังนี้ นอกเหนือจากจะให้สมาชิกทุกคนได้ให้คะแนนแล้วก็จะมานั่งรวมกันตามร้านและไล่เรียงวิจารณ์งานของแต่ละคนเป็นรายชิ้นโดยทุกคนจะต้องแสดงความเห็นต่อเรื่องสั้นเรื่องนั้น ๆ โดยมีการควมคุมเวลา  โดยมีการควมคุมประเด็น  ซึ่งผมว่ามันเป็นระบบพอสมควรในการที่เราอยู่กันในชมรมเล็ก ๆ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีกฏกติกาว่าหากผู้ใดเข้าเป็นสมาชิกแล้วบิดพลิ้ว ไม่ส่งงานตามกำหนดนัดหมายจะต้องถูกปรับเป็นน้ำกลั่นสีอำพันอายุอย่างน้อย 12 ปี จำนวน 1 ลิตร เป็นสินไหมบรรณาการแก่ที่ประชุมประจำเดือน  และเมื่อถึงเดือนถัดไปผู้ที่เคยบิดพลิ้วเมื่อเดือนที่แล้วหากกระทำผิดซ้ำ  การปรับในเดือนต่อมาจะไม่ใช่แค่  1 ลิตร แต่จะเป็น 2 ลิตรทันทีและหากเบี้ยวซ้ำ ๆ ในเดือนต่อไปปริมาณน้ำกลั่นก็จะเพิ่มทบทวีตามจำนวนเดือนไปเรื่อย ๆ

ด้าน เวียง-วชิระ บัวสนธ์ เล่าถึงแนวคิดการรวมกลุ่มกันเขียนและวิจารณ์เรื่องสั้นว่า "ผมคิดว่ามาเริ่มพร้อม ๆ กันได้ไหม หมายถึงว่ามาฝึกไม้ฝึกมือกัน มาแสดงตัวหรืออย่างน้อยมาเอาจริงเอาจังกับงานเขียนอย่าง 'ทินกร หุตางกูร' กับ 'ศิริวร แก้วกาณจน์' ซึ่งผมไม่ได้คิดจะมาเขียนหนังสืออยู่แล้ว ไหน ๆ เมื่อท้าน้องนุ่งพรรคพวกมันก็ต้องเข้ามาร่วมด้วย  ถามว่าตามประสาเด็กบ้านนอกมันคงไม่มีอะไรสนุก  ถ้าเวลาจะทำงานอะไรร่วมกันมันจะต้องเดิมพัน  พอมันมีเดิมพันมันจะมีการปรับอะไรต่อมิอะไรกติกาอันใดก็ตามมันเกิดขึ้นมาจากสภาพการณ์ที่เป็นจริง  อย่างน้อยก็แสดงถึงความตั้งใจและเอาจริงเอาจัง คือเราไม่ได้ฝึกแค่เขียนอย่างเดียว

(อ่านตอนจบวันพรุ่ง)
รีวิวโดยพี่สามกระบี่พลิ้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น