สมุดนักเรียนเล่มนั้น

เก่าคร่ำ ขอบเยินยุ่ย รอยยับตรงสันฉีกขาด ปกเหลืองซีดเต็มด้วยลายริ้วไม่ต่างชายชรากรำโลกผู้เก็บเรื่องราวหนหลังไว้ในร่องลึกย่นของผิวกาย  หน้าปกถูกพลิกช้า ๆ มีหยดน้ำเผาะลงบนลายมือประจงเขียนด้วยดินสอ ส่วนบนเป็นอักษรตัวใหญ่คมชัดอ่านว่า..


 
 บันทึกดวงใจ

๑ เพรง


ข้าพเจ้าพบเพรงบนถนนสายชะตา  เราสัญจรไปมาโดยหารู้ไม่ว่าใครเป็นใคร เป็นตัวอักษรแปลกหน้าไร้วิญญาณ ทักทายกันวันนี้เพียงสนองปรารถนาแล้วทิ้งกันในวันถัดมาเหมือนทิ้งกระดาษชำระใช้แล้ว ไม่ต้องสนใจว่าอักษรแปลกหน้าที่เราเคยพูดคุยอย่างสนิทสนมจะมีความรู้สึกนึกคิดหรือไม่  หากหวังปกป้องตนเองจากเป็นผู้ถูกทิ้ง จากความรู้สึกต่ำต้อยคล้ายวัชพืชไร้ค่า ต้องเมินเฉยเสียได้กับความรู้สึกอ่อนไหวผูกพัน  ที่ก้นบึ้งของความเป็นมนุษย์ทุกคนล้วนเจ็บปวด ไม่มีใครต้องการทำร้ายใคร  แต่ปฏิเสธไม่ได้เราล้วนพบพานเพื่อผ่านพ้น  ผู้หลงด่ำดื่มรสแห่งมิตรภาพโดยหวังเกลือกกลิ้งอยู่กับความหวานชื่นจะเป็นเช่นแมลงน้อยหลงวนฉ่ำรสเกสรกว่ารู้ดอกไม้นั่นก็หุบกลีบกลืนกินมันไปแล้วทั้งเป็น

ข้าพเจ้าพบเพรงบนโลกเช่นนี้

โลกที่ซาตานปรากฏกายในคราบนักบุญ  ใช้อสนีอักษรฟาดฟันทำร้ายผู้อื่นโดยไม่มีใครต้องการตอแย  โลกที่ความป่วยไข้ได้รับการเยียวยาด้วยโอสถแห่งโมหะ  โลกที่จริงลวงซ้อนทับกันเพียงพลิกหน้าเหรียญ  เราไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าใบหน้าอักษรนั้นมีกี่ลักษณาการ  หลายใบหน้าซึ่งเราพบปะพูดคุยเป็นคนเดียวกันหรือไม่  อักขระวาจาที่เปล่งออกมามีความจริงใจแค่ไหน  ผู้กรำโลกล้วนเลิกเอ่ยคำถามเหล่านี้  เพราะมีแต่จะก่อความสับสน ไร้ประโยชน์เฝ้าเสาะหาว่าใบหน้าเบื้องหลังหน้ากากอักษรเป็นอย่างไร  เราหยุดความสนใจไว้ที่ตาเห็น  ใจสัมผัส  มองไปข้างหน้าโดยไม่ถามถึงที่มาดุจนางนวลโฉบฟองคลื่น  อาจมีปลาน้อยหรือความว่างเปล่า แต่ไม่เคยถามเกลียวคลื่น เจ้าเป็นใคร? มาจากที่ใด? ผ่านแล้วเพียงโบยบินกวาดตามองหาคลื่นลูกใหม่ 

ข้าพเจ้าพบเพรงบนโลกเช่นนี้

โลกที่เราพูดคุยกันด้วยตัวอักษรซึ่งเราหลงใหล ตัวอักษรซึ่งเราฝากไว้บนลานอักษรจอแจด้วยหลากอักษรแปลกหน้า  บางอักษรหวังคลายความรู้สึกอ้างว้าง  บางอักษรต้องการให้โลกรับรู้ว่ามีตัวตนอยู่  หลายอักษรเพียงหวังสนุกไปวัน ๆ และอีกหลายอักษรมุ่งมั่นเอาจริงจังที่จะหยัดกายในบรรณพิภพ

ข้าพเจ้าหารู้ไม่เพรงเป็นอักษรชนิดใด  รู้เพียงว่าเพรงงดงาม  มิใช่งดงามด้วยสำนวนสละสลวยแต่เป็นงามคมคิดที่แฝงอยู่ในอักษรเหล่านั้น  ไม่ใช่เพียงสวยด้วยเอาใจใส่วรรคตอนอ่านง่าย  แต่เป็นงามด้วยท่าทีสำเนียงภาษาที่ไม่เคยทำร้ายใครมีแต่ให้กำลังใจ  ทุกตัวอักษรของเพรงอุ่นไอกรุ่นอวลจนอยากนั่งลงใกล้  ฟังเรื่องราวที่เพรงกำลังบอกเล่าผ่านริมฝีปากแห่งอักขระรส  เราพบกันด้วยรักในภาษาของกันและกัน  เราจากกันขณะหลงวนอยู่ในเมฆหมอกแห่งคำถาม  คำถามซึ่งข้าพเจ้ายังไม่อาจหาคำตอบได้เลย




๒ ผู้แสวงหา


สำหรับท่าน เรื่องราวในอดีตอาจเป็นภาพสืบเนื่องเคลื่อนไหวออกจากเครื่องฉายแห่งปัจจุบัน  เป็นภาพสีสดใสเต็มด้วยชีวิตชีวา  ขณะภาพเก่าเคลื่อนไป  ภาพใหม่ก็เข้าแทน  อดีตช่างหอมหวานคล้ายผลไม้สุกคาต้นมีให้เลือกเก็บไว้ชิมรสอย่างมากมาย  ท่านมองไปข้างหน้าเห็นภาพอนาคตกำลังรอต่อแถวโยงยาวมายังปัจจุบัน  ภาพคืนวันที่ก่อไฟฝันสร้างแรงบันดาลใจให้ท่านมีพลังก้าวเดินไป  แต่ข้าพเจ้าหาเป็นเช่นนั้นไม่

หลังน้องชายเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์  อดีตในห้วงสำนึกข้าพเจ้ากลายเป็นสีเทาหม่นเหมือนแผ่นภาพเก่า ๆ ซ้อนทับกัน  มองย้อนคราใดคล้ายกัดกินผลไม้เหี่ยวใกล้เน่าเสีย  รสชาติที่ข้าพเจ้ากล้ำกินนั้นเป็นรสของความระทมทุกข์นับวันยิ่งกัดกร่อนหัวใจจนเหลือเพียงซาก  มองไปข้างหน้าเห็นแต่ภาพว่างเปล่า  ไม่มีอะไรรอคอยข้าพเจ้า ภาพฝัน ความหวัง ความสำเร็จในชีวิต รอยยิ้มครอบครัวคราพบปะสังสรรค์  ล้วนถูกเผาไหม้ไปพร้อมเปลวเพลิง  แปรธาตุอีกร่างหนึ่งของข้าพเจ้ากลายเป็นละอองไอ คุควันคืนสู่หมู่เมฆ  เราไม่ได้มาจากไหน หรือจะไปไหน  เราไม่ใช่อะไรเลยนอกเสียจากองคาพยพของโลก เราคือไอน้ำในปุยเมฆ  เราคือหยดน้ำในห้วงมหาสมุทร  เราคือผงฝุ่นดินที่เพียงรับโอกาสมีความรู้สึกนึกคิดชั่วคราว  เมื่อถึงเวลาก็แปรสภาพคืนสู่โลก

ข้าพเจ้ากับน้องชายลืมตามองโลกในเวลาใกล้เคียงกัน  ผ่านช่วงชีวิตมาด้วยกันราวเป็นเส้นคู่ขนาน  ภาพอดีตของข้าพเจ้าล้วนมีน้องชายคอยยิ้มหัว หยอกล้อ ชกต่อย  ทะเลาะเบาะแว้ง อิจฉาริษยา ร่ำเรียน สำเร็จการศึกษา สร้างฐานะ มีครอบครัว  ทั้งหมดจบลงเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น หลายครั้งยามข้าพเจ้าซุกกายอยู่หลังม่านน้ำตาเฝ้าถามตัวเอง  หรือชีวิตน้องชายเป็นเพียงความฝัน เขาไม่ได้เกิดขึ้นจริง ไม่ได้มีอยู่จริง  เพียงข้าพเจ้าหลับฝันไป  ความรู้สึกย้อนแย้งที่ปฏิเสธไม่ได้เป็นดังเหล็กแหลมคอยทิ่มแทงหัวใจจนหยดเลือดแห่งทุกข์ระทมไหลหลั่งพร้อมธารน้ำตา

เมื่ออีกคนไม่อยู่ข้าพเจ้าไม่เหลือศรัทธาชีวิต  ไม่มีความหมายที่จะอยู่ต่อไป  ซากชีวิตข้าพเจ้าไม่ต่างฝุ่นดินที่ยังมีความรู้สึกร้อนหนาว  หากจะต้องกลายสภาพคืนสู่ผืนโลกเสียเวลานี้ข้าพเจ้าก็ไม่ยึดยื้อ  ความรัก แรงจูงใจทางเพศ ฐานะทางสังคม ทรัพย์สินเงินทอง ไม่อาจส่งแรงขับครอบงำความคิดและพฤติกรรมข้าพเจ้าอีกต่อไป  เหลือเพียงปรารถนาเดียวที่ต้องการกระทำกว่าร่างกายคืนสู่แม่ธรรมชาติ  นั่นคือเขียนหนังสือ 

ข้าพเจ้ากลับมาอาศัยริมคลองบ้านเกิด  ใช้ชีวิตในเรือลำเล็ก ๆ ไม่มีทีวีตู้เย็น ไม่ยินยอมให้โลกภายนอกรุกล้ำชีวิตส่วนตัวผ่านโทรศัพท์มือถือ  อยู่กับคืนวันเหมือนทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต   ที่นี่ไม่มีอะไรเหลือสำหรับข้าพเจ้า ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีบ้านเก่า  มีแต่ความผูกพันกับสายน้ำที่เคยว่ายเล่นแต่จำความได้  สายน้ำที่ประทับลงในชีวิตว่าเราเกิดที่นี่  และข้าพเจ้าตั้งใจมาตายที่นี่





๓ โลกฝัน

ลอดเวลาข้าพเจ้าฝันถึงการเขียนหนังสือประดุจห้วงราตรีฝันถึงทิวากาล  คล้ายดังสายธารน้อยละห้อยหาห้วงมหรรณพอันกว้างใหญ่  เป็นความฝันที่คอยเกาะกุมหัวใจด้วยกรงเล็บแหลมคมแห่งความวิตกกังวล   ความหวานชื่นของอักขระรสมิอาจเอมอิ่มต่อริมฝีปากที่หิวโหยหรือเติมท้องที่คอดกิ่วได้เลย  ขณะร่างกายผจญฟันฝ่าไปในป่ากิเลสตัณหาที่ปกคลุมด้วยหมอกควันแห่งความต้องการไม่สิ้นสุด  วิญญาณกลับติดปีกแห่งความฝันโบยบินไปยังสถานที่เร้นลับไม่น่าไว้ใจเต็มด้วยอาถรรพ์เวทมนตร์คาถา  มีสายใยบาง ๆ เส้นหนึ่งโยงไว้  ข้าพเจ้าพยายามยื้อยุดด้วยความเชื่อที่ว่า  โลกแห่งความจริงคือสถานที่ปลอดภัยและเหมาะสมสุดแล้วสำหรับข้าพเจ้า ภาพอดีตสีหม่นเป็นคล้ายใบมีดคมตัดสายใยเส้นนั้นขาดจากกัน

ข้าพเจ้าออกติดตามจิตวิญญาณเข้าสู่โลกแห่งความฝัน  สถานที่ซึ่งกิเลสตัณหาของมนุษย์ไม่อาจล่วงล้ำ  ที่ซึ่งริมฝีปากหาได้มีไว้เพื่อเอ่ยวาจา  ที่นั่นกาลเวลาหยุดนิ่งทุกสิ่งเพียงเคลื่อนไปตามวัฏฏะแห่งสุริยัน-จันทรา  ที่ซึ่งชีวิตหาได้มีความหมายไปกว่าไร้ชีวิต  ที่ซึ่งข้าพเจ้าพบว่าร่างกายกับจิตวิญญาณได้กลับรวมเป็นหนึ่งดำรงคงอยู่อย่างสงัดงัน  ตื่นเช้าพร้อมหยาดน้ำค้างบนยอดหญ้า  เหล่าสกุณาส่งเสียงร้องออกหากิน  เข้านอนด้วยเสียงขับกล่อมของหรีดหริ่งตลอดคืน  ผ่านวันเวลาด้วยวัตรปฏิบัติที่หัวใจโหยหามาเนิ่นนานนั่นคือเขียนหนังสือ

และแล้วด้วยเหตุบังเอิญข้าพเจ้าพบช่องทางเชื่อมต่อสู่โลกแห่งความจริงซึ่งผู้คนเรียกว่าโลกเสมือน  ข้าพเจ้าหาได้ต้องการออกจากโลกฝัน  แต่จะมีความหมายใดหากเราฝังกายอยู่ในโลกฝันตลอดเวลา  ดื่มกินความฝันจนวันสิ้นสังขาร  ข้าพเจ้าเพียงหวังส่งภาพฝันตนออกมาติดต่อกับผู้คน  หากฝันนั่นสามารถสร้างส่งแรงฝันต่อยังคนอื่น ๆ หรือเป็นที่พักใจเพียงครู่ก็นับว่าสมควรแก่ความปีติยินดีแล้ว  ข้าพเจ้าจึงเยี่ยมหน้าออกมายังโลกภายนอก  โลกที่ข้าพเจ้าพบเธอ..เพรง



ดาวน์โหลด