konthaiban

(พระจันทร์แก้ว)
๏ ฉันมาหาความหมายใต้ใบไผ่...
ลมสวรรค์พัดก้านใจแกร่ง
จุมพิตแห่งทิวาการุณมิเปลี่ยนแปลง
เปลโลกแกว่งโยกไหวให้รื่นรมย์
แม้นมิเหลือรอยปีกในอากาศ
ยังหวังวาดในสุขสม
ร่ำบรรเลงขับเพลงในสายลม
ลืมความขมปวดปร่าไม่ปราณี
จิตแสวงวาทะบุปผาอันเรียบง่าย
ในอุทยานความหมายตามวิถี
ฝากทรงจำห้วงเหวเปลวอัคคี
ใต้วารีปรีดาอันเดียวดาย

(ธุลีดิน)
๏ ร่องรอยเกวียนโบราณบ้านไม้เก่า
สืบเรื่องเล่าบรรพชนค้นความหมาย
สุขวิถีธรรมดาและเรียบง่าย
สงัดงามตามสบายที่ปลายนา
เปลใบไม้ส่ายโอนลงโคนต้น
โสนโน่นโยนกิ่งไหวชิงช้า
เฉื่อยกระชั้นหลั่นเรื่อยเรื่อยเรื่อยมา
ซบลงธาราท่องแล้วล่องลอย
แว่วเพลงขลุ่ยกลับคืนสู่กอไผ่
แผ่วพลิ้วไหวไห้หวนอยู่ครวญค่อย
คืนเดือนฉ่ำน้ำค้างพร่างดาวคว้างลอย
ใจก็คล้อยคร่ำหวนรัญจวนจำ
แม้นมิเหลือร่องรอยใดในอากาศ
เราล้วนวาดรอยเท้าอยู่เช้า-ค่ำ
หมายหม่อนเหมยเชยคืนหมื่นฝนพรำ
หลับชั่วตื่นชื่นระบำน้ำค้างปรอย

ร่องรอยเกวียนโบราณบ้านไม้เก่า
คือเรือนเหย้าให้เราฝากเศร้าหงอย
แขวนรอยยิ้มริมหน้าต่างคว้างเมฆลอย
กระท่อมน้อยชายนาเชิงตะวัน ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น