ahangar3

1

ม้าดำเหยาะย่างเชื่องช้ากวัดแกว่งหางไปมา ปลายจมูกเปียกเยิ้ม ส่งเสียงฟึดฟัดตลอดเวลา ผู้ขับขี่นั่งหลังงอร่างส่ายโงน มือกุมสายบังเหียนแนบแน่น สายลมสนธยากระโชกชักนำผงฝุ่นปะทะใบหน้า คนจรยกมือป้อง ร่างเสียหลักเกือบตกหลังม้า ม้าดำหันมองก่อนย่ำเท้าต่อ 

ถนนฝุ่นทอดยาวไปยังหมู่บ้าน สองข้างทางเป็นกอหญ้าแห้งแกร็นจรดสันเขาขอบฟ้า เห็นเงาไม้ใหญ่เหลือแต่กิ่งก้านยืนโดดเดี่ยวในแสงสีสนธยา เสียงลมครางอู้พัดกลุ่มหญ้าลมกลิ้งตัดถนน

คนจรดึงสายบังเหียน ม้าดำหยุดยืนเขี่ยเท้าสะบัดหน้าส่งเสียงฟึดฟัดเหมือนไม่พอใจ เสาไม้ใหญ่สึกกร่อนเป็นร่องลึกตระหง่านสองข้างทาง 


คนจรแหงนมอง

ลำแสงสุดท้ายของวันอาบแผ่นป้ายเก่าคร่ำ แดงฉานราวชโลมโลหิต คนจรขมวดคิ้ว บนป้ายเป็นอักษรโบราณเลอะเลือน

กระตุกสายบังเหียน ม้าดำเหยาะย่างอย่างเกียจกร้าน เสียงฝีเท้าทึบทึบส่งฝุ่นฟุ้งไปทางขอบฟ้าประจิม

2

จันทร์เสี้ยวลอยเด่น
อาทิตย์ใกล้อัสดง
เสียงนกการ่ำร้องจากฟ้าไกล

ถนนฝุ่นทอดยาวตัดกลางหมู่บ้าน เริ่มเห็นแสงไฟเป็นระยะ มีผู้คนบางตา สองข้างทางเป็นบ้านดินมุงหญ้าคาฝุ่นเกาะหนา  เด็ก ๆ หน้าตามอมแมมนั่งเล่นกองทรายริมถนน ผู้เป็นมารดารีบวิ่งคว้าตัวเด็กหลบเข้าในบ้าน  หญิงชรานั่งเก้าอี้หน้าบ้านชมอาทิตย์อัสดงเหมือนสนทนากับสหายร่วมวัย พลันลุกจากเก้าอี้มือไม้สั่นแทรกบานประตูปิดเสียงดังปัง

ม้าดำย่ำเท้าจังหวะสม่ำเสมอ คนจรส่ายตามองสองข้างทาง เห็นแต่ลูกตาหลบซ่อนหลังม่านหน้าต่าง ซอกประตู มีกลิ่นอาหารโชยมา คนจรเคาะขากระตุ้นม้าตามกลิ่นอาหารไป

หยุดตรงแสงโคม โน้มตัวถดลงจากหลังม้า ตบสีข้างมันเบา ๆ ผูกสายบังเหียนไว้กับคาน จากนั้นก้าวเท้าเข้าภายใน

กลิ่นอาหารลอยปะทะจมูก ยินท้องส่งเสียงร้อง ในร้านมีเพียงลูกค้านั่งโต๊ะชิดหน้าต่างสองคน ทั้งสองนั่งตัวแข็งจ้องผู้มาตาเขม็ง เสียงตะหลิวกระทะดังอยู่หลังม่านไม้ไผ่ คนจรยืนคอยครึ่งค่อนวันไม่มีผู้ใดออกมารับแขก เอื้อมมือคว้าไหสุราเคาะลงกับโต๊ะ เสียงตะหลิวหยุดลง ใบหน้าเปื้อนเถ้าถ่านเลอะเทอะโผล่จากหลังม่านไม้ไผ่

"รอก่อน" กล่าวสองคำแล้วผลุบหาย ยินเสียงตะหลิวอีกครา แต่แล้วหยุดชะงัก ใบหน้าเปื้อนถ่านโผล่มาอีกครั้ง เบิ่งตากว้างส่งเสียงแตกตื่น

"บุรุษ!"

คนจรฝืนยิ้มทักทาย ใบหน้าเปื้อนถ่านนั่นกลับผลุบหายหลังม่านไม้ไผ่ เสียงตะหลิวกระทะดังอีกสองสามครั้ง จึงเดินถือจานอาหารออกมา ติดตามด้วยผู้ช่วยตัวน้อยมีจานอาหารทั้งสองมือ คนทั้งสองเหลือบตามองขณะเดินไปโต๊ะลูกค้า ลูกค้าสองรายในร้านนั่งกระซิบกระซาบ อาหารพอดีวางลงบนโต๊ะก็เร่งลุกเดินหนีออกจากร้าน

"รอก่อน" คนใบหน้าเปื้อนถ่านกวักมือ "พวกเจ้ายังไม่กินอาหารจะเร่งร้อนไปไหน?"

ยังไม่สิ้นเสียง เงาหลังคนทั้งสองก็สูญหายในความมืด คนใบหน้าเปื้อนถ่านเม้มริมฝีปาก ท้าวสะเอวหันมาทางคนจร ผู้ช่วยตัวน้อยกระทำตามราวนัดไว้

"ดีจริง ค่ำนี้มีลูกค้าแค่สองคน ท่านยังมาไล่เสีย กิจการค้าข้าพเจ้าเห็นทีป่นปี้ครานี้"

"ใช่! ป่นปี้ครานี้" ผู้ช่วยตัวน้อยส่งเสียงย้ำ

คนจรยกนิ้วชี้ตัวเองสีหน้าฉงน "ข้าพเจ้า"

"ใช่! ท่าน!" คนใบหน้าเปื้อนถ่านกล่าว

"ใช่! ท่าน!" ผู้ช่วยก็กล่าว

คนจรกล้ำกลืนวาจาเหลือบมองอาหารบนโต๊ะ กล่าวว่า

"อย่างมากข้าพเจ้ากินอาหารทั้งหมดนั่น"

"ท่านมีค่าอาหารหรือ?" คนใบหน้าเปื้อนถ่านถลึงตา

คนจรล้วงในเสื้อคลุมหยิบวัตถุเม็ดเล็กวางบนโต๊ะ แสงทองสุกปลั่งสะท้อนโคมไฟ คนใบหน้าเปื้อนถ่านรีบคว้าขึ้นขบ กล่าวว่า

"ข้าพเจ้าไม่มีทอน"

"ที่ข้าพเจ้าต้องการคืออาหารบนโต๊ะนั่น"

คนใบหน้าเปื้อนถ่านทั้งสองเร่งเคลื่อนย้ายจานอาหารวางตรงหน้าลูกค้าคนใหม่ กล่าวอย่างประจบประแจง

"ท่านต้องการอาหารใดเพิ่มโปรดประทานคำสั่ง หากรสชาติไม่ถูกปากยังสามารถเปลี่ยนใหม่"

"ใช่! ยังสามารถเปลี่ยนใหม่" ผู้ช่วยกล่าวเสริมสีหน้าจริงจัง

ลูกค้ามิได้ฟังคำ หยิบตะเกียบคีบอาหารส่งเข้าปากอย่างรีบร้อน อาหารหมดสองจานจึงเอ่ยปากถาม

"จริงสิ ท่านมีหญ้าให้ม้าบ้างหรือไม่?"

"ถิ่นนี้ไม่มีหญ้าสดนานแล้ว หญ้าแห้งพอใช้ได้หรือไม่?"

"เช่นนั้นก็ใช้หญ้าแห้งเถอะ ช่วยหาน้ำให้มันด้วย"

คนใบหน้าเปื้อนถ่านผงกศีรษะ ผู้ช่วยตัวน้อยวิ่งไปหลังร้านในบัดดล

"หุบเขาหัวกะโหลกห่างจากที่นี่กี่มากน้อย?" คนจรเอ่ยถาม ใช้ตะเกียบคีบอาหารในจาน

"ท่านจะไปหุบเขาหัวกะโหลก?"

คนจรพยักหน้า ส่งอาหารเข้าปาก

"ไม่เคยมีใครกลับจากหุบเขาหัวกะโหลก"

"ข้อนั้นข้าพเจ้าทราบ" กล่าวทั้งปากเคี้ยวอาหาร "ที่ไม่ทราบเป็นหนทาง"

"มีคนผู้หนึ่งสามารถบอกท่าน"

คนจรหันขวับ "เป็นผู้ใด?"

"เป็นชายชราผู้หนึ่ง อยู่หลังเนินเขาประจิมห่างจากที่นี่ไปสามวัน"

"มันเคยไปหุบเขาหัวกะโหลก?"

"มิทราบ" คนใบหน้าเปื้อนถ่านกล่าว "มันเป็นลูกค้าข้าพเจ้า ช่วงหลังมานี่ไม่พบหน้าหลายเดือนแล้ว"

คนจรล้วงทองคำอีกเม็ดส่งให้ "เตรียมเสบียงสำหรับสามวันให้ข้าพเจ้าด้วย"

"ไฮ้! ท่านจะออกเดินทางในบัดดล"

"ออกเดินทางเร็วขึ้นหนึ่งวันถึงเร็วขึ้นหนึ่งวัน"

"ไยเร่งร้อนเช่นนี้?"

คนจรมิโต้ตอบคล้ายไม่ต้องการกล่าวมากความ คนใบหน้าเปื้อนถ่านได้แต่ถอยเข้าหลังม่านไม้ไผ่ คนจรกินอาหารที่เหลือ

มีเสียงฝีเท้า

คนจรเหลือบมองประตูร้าน มีผู้มาใหม่สี่ห้าคน ทั้งหมดล้วนอิสตรีแต่งกายทะมัดทะแมง 

สักครู่คนใบหน้าเปื้อนถ่านกลับออกมาพร้อมห่อเสบียงวางบนโต๊ะ

"นี่เป็นอาหารแห้งท่านพอจะใช้รับประทานสามวัน"

คนจรหยิบห่ออาหารขยับลุก

"ท่านยังไปไม่ได้" เสียงสดใสกังวาน ทั้งอ่อนหวานทั้งเปี่ยมพลังอำนาจดังขึ้น

(มีต่อ)

5 ความคิดเห็น:

  1. มานอนเอกเขนกห้องเพื่อนสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    พวกมีงานประจำทำเค้าหยุดงานกันหลายวัน เลยหนีออกต่างจังหวัด เพื่อนข้าพเจ้าก็หนึ่งในนั้น ไปตั้งแต่วันเสาร์ บอกว่าจะกลับวันพุธ แต่คุณเธอเพิ่งได้กล้วยไม้มาใหม่ต้นหนึ่ง ฟังว่าคนสำคัญเค้าให้มา ทิ้งไปหลายวันเกรงกลับมาแล้วมันจะเหลือแต่ตอ กลัวคนที่เค้าให้มารู้เข้าแล้วจะเสียใจ แม่คุณเลยโทรไปจิกข้าพเจ้าให้มาช่วยรดน้ำต้นไม้ให้หน่อย

    อุแม่จ้าว! คุณเธอเห็นข้าพเจ้าเป็นคนรดน้ำต้นไม้! มันน่าปลาบปลื้มมั้ยทั่น? อืมม์ มันน่าปลาบปลื้มจริงๆเลย

    แม่คุณไม่รู้ซะแล้วว่าข้าพเจ้าเป็น 'เทพอักษราฝ่ามือยมทูต' ต้นไม้ที่ปลูกที่ห้องน่ะ เคยรอดเรอะ ฮ่าๆๆๆๆๆ

    มาห้องสงบของมันคราวนี้ข้าพเจ้าก็อปงานทุกอย่างลงทรัมไดรหมดเลย เผื่อนึกครึ้มใจอะไรจะได้เอามาแก้ดู-เขียนต่อได้ หอบหนังสือเล่มหนามาอีกสองเล่ม นิยายจีนหนึ่งเรื่อง นิยายไทยอีกหนึ่งเรื่อง กะว่าค่ำๆ ค่อยกลับ

    มันบอกว่าของในตู้เย็นกินได้ทุกอย่าง ข้าพเจ้าเปิดดู มีน้ำเปล่าอยู่สองขวด ไข่ไก่สี่ฟอง กับรสดีอีกหนึ่งห่อ กินได้ทุกอย่างจริงๆ ทั่นว่าข้าพเจ้าจะกินอะไรดี? ^^!

    แวะเข้ามาทักทายเฉยๆ ไม่มีอะไรดอกเจ้าค่ะ เป็นห่วงว่าทั่นก้มหน้าก้มตาร่ายกระบี่อยู่คนเดียวจะพาลเครียดจนเอาหัวโขกฝาขนำ

    ข้าพเจ้าคงต้องมุดหัวอ่านหนังสือแล้วล่ะ ขอทั่นร่ายกระบี่ได้พริ้วไหวดุจใบไม้ในสายลมนะเจ้าคะ

    ด้วยความเคารพ

    อ้อ..ไม่ต้องตอบความนะทั่น เชิญจัดกระบวนท่าตามซำบาย

    ตอบลบ
  2. ฝนพรำย่ำสนธยาสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    เพิ่งกลับมาจากทำธุระเจ้าค่ะ เมื่อคืนอยู่คนเดียวนึกว่าจะนอนไม่หลับ ปรากฏว่าหลับปุ๋ยตั้งแต่ตีหนึ่ง สหายกลับก่อนกำหนดมาเคาะประตูห้องตอนตีห้าของวัน ตอนสายออกไปทำธุระด้วยกัน กลับมาเห็นคอมพ์เลยนึกขึ้นได้ว่าบอกจะร่าย'ล่าสุดขีด'ให้ทั่น นั่งนึกอยู่ตั้งนานจะเริ่มต้นยังไงดี

    อย่างที่เคยบอก ข้าพเจ้าชอบอ่านหนังสือแบบจ้ำพรวดๆ เอามันส์ขณะอ่าน หลังจากนั้นไม่สนใจอะไรแว้ว

    มานั่งนึกแล้วนึกอีก ไอ้ที่อ่านไปอ่านไปน่ะได้อะไรมามั่งว้า? คำตอบคือ ... เลยเปลี่ยนคำถามใหม่ ตูจำอะไรได้มั่งฟะ? แล้วคำตอบก็โผล่มาทีละกะปริด..กะปริด..

    เอาล่ะข้าพเจ้าจะร่ายทีละกะปริด..กะปริด..นั่นก็แล้วกันนะทั่นนะ

    นิยายจีนกำลังภายในมีห้าประการตามที่ทั่นเคยร่ายให้ข้าพเจ้าฟัง ห้าประการที่ว่านั่นข้าพเจ้าก็จำรายละเอียดไม่ได้แล้วว่ามีอะไรมั่ง ถ้าอยากรู้ก็ไปหาอ่านเองใน 'บันทึกอักษรกระบี่ : ฝึกฝนค้นหา' อิอิ

    ล่าสุดขีดที่ข้าพเจ้าอ่านก็มีทั้งห้าประการที่ท่านร่ายมานั่นแหละ คงไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรให้มากความสำหรับเรื่องนี้ มาว่ากันถึงเนื้อหาของเรื่องดีกว่า

    ท่านถามว่าเนื้อเรื่องเป็นไงบ้าง แสดงว่าทั่นยังไม่ได้อ่าน (ข้าพเจ้าตีความเอาเอง)(และหวังว่าการตีความครั้งนี้คงไม่ไปเข้าทางใครบางคนที่อยากล้วงกึ๋นนักอ่านหรอกนะเจ้าคะ เพราะนักอ่านอย่างข้าพเจ้าไม่มีกึ๋นให้ใครล้วงดอกเจ้าค่ะ)

    เนื้อเรื่องล่าสุดขีด เริ่มต้นด้วยยอดยุทธ์สี่ท่านได้รับเทียบเชิญให้มาพบกัน ณ สถานที่หนึ่ง เพื่อคัดเลือกให้เป็นราชบุตรเขยของฮูหยินมรกต(ถ้าจำชื่อไม่ผิดอะนะ)

    ณ สถานที่นัดหมายจอมยุทธ์สองในสี่ถูกลอบสังหารโดยการแพร่พิษในสุรา ทำให้หนึ่งในสองคนที่เหลือโดนปรักปรำ แล้วคนที่โดนปรักปรำก็ดันเป็นพระเอกของเรื่องซะด้วย พระเอกของเราก็เลยต้องหลบหนีเพื่อหาโอกาสล้างรอยมลทินในอนาคต

    และก็เป็นที่มาของ 'ล่าสุดขีด' ดังชื่อเรื่องนั้นแล

    ฝ่ายที่ปรักปรำตามล่าตัวพระเอกเพื่อมาชำระโทษ ส่วนฝ่ายพระเอกก็ตามล่าหาคนวางแผนการทั้งหมด เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตน

    ข้าพเจ้าก็ร่ายให้ทั่นได้แค่นี้แหละนะ และหวังว่าคราวนี้ทั่นจะเข็ดซะที ไม่มาถามเกี่ยวกับเนื้อหาในหนังสือที่ข้าพเจ้าอ่านอีก ฮ่าๆๆๆๆ

    ด้วยความเคารพ

    อ้อ..รับมาม่าใส่ไข่สักชามไหมทั่น กินท่ามกลางเสียงฝนบรรยากาศดี๊ดี

    ตอบลบ
  3. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  4. มันมาเบิ้ลแน่ะทั่น ข้าพเจ้าเลยขออนุญาตลบไปหนึ่งอัน

    ด้วยความเคารพ

    ตอบลบ
  5. อรุณสวัสดิ์ทั่น

    เป็นข้าพเจ้าถามผิดเอง ที่อยากรู้คือพล็อตเรื่องน่ะขะรับ แต่ท่านก็มีญาณวิเศษ ดันวิสัชนามาตรงเผงราวจับวาง กล่าวได้กระชับรัดกุมมิต่างท่าร่างตุ๊กแกตะกายฟ้าของสำนักไม้ตียุงแป๊กที่สร้างชื่อกระเดื่องเลื่องลือ

    ถือโอกาสขอประทานโทษทั่นและสหายผ่านทางทุกท่านที่ข้าพเจ้าไม่ได้โพสท์บล็อกเสียหลายเพลา ขอเวลาอีกสักสองสามวัน จัดการโครงเรื่อง 'อหังการ์ฯ' ลงตัวแล้วจะคืนปกติวัตร

    ต้องเร่งออกไปจัดการธุระปะปังก่อนแล้วขะรับ

    เจอกัลล์

    ตอบลบ