ตอบความ

CB029641

สุดสัปดาห์สวัสดิ์ขอรับท่านสายที่เคารพรัก

เคยพูดคุยผ่าน Chat ของ Face Book กับสหายพี่อิสตรีสำนัก ท่านกรุณาบอกกล่าวว่าขี้เกียจติดตามบล็อกข้าพเจ้า เพราะย้ายบ่อยเหลือเกิน ทั้งติงด้วยมิตรไมตรีว่า "จะเสียเวลาแต่งบล็อกหาสวรรค์วิมานอะไร อยากได้บล็อกดังใจก็จ่ายตังค์สิ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นดีกว่าเสียไปกับเรื่องไร้สาระ"

ข้าพเจ้าได้แต่ส่งเสียง หึ หึ จิ้มบอกคุณพี่ทั่นไปว่า "ไม่เห็นต้องติดตามเลยนี่ขอรับ ข้าพเจ้าไม่ได้ย้ายไปไหนสักหน่อย ยังอยู่บนหน้าจอของพี่ทั่นนี่เอง" ไม่ทราบฟังแล้วคุณพี่แกจะว่าไง ส่วนเรื่องแต่งบล็อกไม่มีเวลาอธิบายความ เพราะข้าพเจ้าแช่เน็ตนานไม่ได้เดี๋ยวเวลาไม่พอใช้ครบเดือน บอกคุณแกไปว่าข้าพเจ้าทำเรื่องไร้สาระมามากมาย เพิ่มอีกสักเรื่องสองเรื่องคงมิเป็นไร แล้วเร่งลา

คนเรามักเผลอเอาไม้บรรทัดตัวเองไปวัดสั้น-ยาวของผู้อื่นนะขอรับ

ไม่ก็่เคยชินอยู่กับลัทธิเหมาโหล, ใช้มาตราเดียวกับทุกเรื่องจึงสับสนปนเปไปหมด

มนุษย์คิดค้นมาตราชั่ง-ตวง-วัดขึ้นมาใช้ร่วมกัน เพื่อความเข้าใจไปทางเดียวกัน รับรู้ร่วมกัน ซึ่งก็ได้ผลดีสำหรับกรณีชั่ง-วัดขนาดสิ่งของ วัดระยะทาง แต่ใช้นาน ๆ เข้าเผลอนำไปวัดจิตใจ ตัดสินวิธีคิด ชั่งชีวิตผู้คน นำการกระทำผู้อื่นวางบนตาชั่งสาระตนเอง หากเข็มไม่กระดิกก็บอกว่า 'ไร้สาระ'

เพราะมาตราชั่งชีวิตของแต่ละคนเป็นเอกเทศนี่เอง เราจึงหมั่นชั่งตรวจสอบน้ำหนักชีวิตตัวเอง ด้วยตาชั่งเราเอง หากเข็มชี้บอกว่าเบาเกินไป เราก็เติมคุณค่าเพิ่มให้หนักขึ้น 'คุณค่าชีวิต' แต่ละคนแตกต่างกัน จึงเป็นหน้าที่เฉพาะตนเสาะหาให้เจอเพื่อนำมาวางบนตาชั่ง

หลายคนค้นไม่พบ ลองหยิบโน่นมาใส่ หยิบนี่มาใช้ ก็ยังไม่ใช่ ยังรู้สึกว่าชีวิตเบาโหวง คล้ายผ่านวันเวลาโดยไร้ค่า

ท่านกล่าวว่า 'เมื่อมองกลับไป ไม่ใช่ความว่างเปล่า'

เชื่อว่าท่านพบคุณค่าชีวิตตนเองแล้ว

ค่าชีวิตของเราคือ 'เขียนหนังสือ' ขอเพียงผ่านวันเวลาด้วยจำนวนอักษรทวี เท่านี้เราก็รู้สึกว่าใช้เวลาเต็มชีวิต (หมายถึงตัวอักษรเป็นเรื่องราวนะขอรับ มิใช่อักษร Chat อันนี้ละไว้ฐานรู้กัลล์)

ได้ทราบว่านิยายเดินหน้าด้วยดี สหายน้อยของท่านก็พลอยยินดี พวกเป้าหมาย, ความเครียด, กดดัน, ตันเขียนไม่ออก, เป็นแค่หลุมพราง ขวากขวางให้เราฝันฝ่า ปรับปรุงทักษะไปเรื่อย ๆ ข้าพเจ้าเชื่อว่า 'จบเรื่อง' หาใช่เป้าหมาย แต่ 'ฝึกจนอยู่มือ' ต่างหากคือเป้าหมายที่เรามุ่งเขียน หมั่นปรับปรุงทักษะ ไปให้ถึงเวลาที่เขียนได้เป็นธรรมชาติทุกวัน ทุกสถานที่ (เอ่อ..หมายถึงสถานที่สะดวกตามอัธยาศัยนะขอรับ มิใช่สถานที่ร่อนเร่กรำแดดฝนอย่างข้าพเจ้าเป็นอยู่ขณะนี้) ใช้วินัยเขียนที่ไม่รู้สึกเลยว่าเป็นวินัย เขียนทุกวันโดยไม่ฝืน ไม่บังคับตัวเอง คงเช่นเดียวกับนักกีฬาที่กว่าได้ทักษะสวยงาม สมบูรณ์แบบ ก็ต้องผ่านการเคี่ยวกรำ กร้ำกลืนฝึกฝน อยู่ในระเบียบวินัยเคร่งครัดมาก่อน

ไม่ว่าเป็นเป้าหมายใด วิธีเช่นไร ขอเพียงตัวหนังสือท่านสามารถเดินทางไป เท่านี้สหายน้อยของท่านก็นั่งชมด้วยรอยยิ้มเปื้อนใบหน้าแล้ว

อยู่ในสังคมวัตถุนิยม ยากเลี่ยงพ้นค่านิยมเงินตรา กิจกระทำโดยไร้ผลตอบแทนเป็นเงินทอง มักถูกมองว่า 'ไร้สาระ'

การใช้เวลานั่งเขียนหนังสือของเรา ก็คงไม่อาจรอดพ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลก คงไม่ต้องถาม ท่านต้องเคยใช้เวลาหลายชั่วโมงนั่งเค้นค้นคำในขมอง มองหาสัมผัสเหมาะ ๆ สักตัว ใช้เวลาครึ่งวันกับกลอนสักบท คนไม่เห็นค่าพบเข้าก็คงบอกไร้สาระ

ท่านเคยฝังสุนัขตายไหมขอรับ? เคยส่ายตาหากิ่งไม้แหย่ให้เจ้าแมลงน้อยที่บินทะเล่อทะล่าตกน้ำป๋อมแป๋มไหม? เคยจอดรถลงไปเอาปลาที่ติดในแอ่งบนถนนดินโยนลงคูข้างทางไหม? เคยนั่งยอง ๆ ดูมดเดินขบวนชักแถวอยู่เป็นนาน (แล้วถามมันว่าพวกเอ็งเสื้อสีไร?) ไหม? เคยเอาลูกนกบาดเจ็บมาใส่ยา ให้ข้าวให้น้ำจนมันบินจากไปไหม? เคยผ่านเวลาเพียงนั่งดูใบไม้แห้งร่วงตามลมไหม?

ข้าพเจ้ากระทำเรื่องไร้สาระมามากจริง ๆ จะเป็นไรหากทำเพิ่มอีกสักเรื่องสองเรื่อง ไม่แน่นะขอรับ อาจบางทีเรื่องไร้สาระพวกนี้เองที่บอกว่า 'เรายังมีชีวิต'

คารวะ

ป.ล. ต้องขอประทานโทษ โผล่ไม่ทันสุดสัปดาห์ ข้าพเจ้ายังไม่มีไฟฟ้าใช้ พิมพ์ไม่เสร็จค่ำเสียก่อนต้องวางมือกลับไปเต้นท์ (มืดแล้วกลัวงู) 

ขอบคุณสำหรับคำถามไถ่ 'กาลครั้งหนึ่ง' ยังเดินหน้าไม่ได้ เพราะชีวิตกรำทุรนเหลือเกิน เลื่อนที่นอนหนีฝุ่นมาเรื่อย ๆ จนลึกจากถนนร่วมสี่-ห้าร้อยเมตร ยังไม่มีที่อยู่แน่นอน กลางคืนใช้เต้นท์ กลางวันอาศัยเงาไม้ ไม่มีน้ำไม่มีไฟ ต้องเดินบุกป่าหญ้าใช้น้ำในโอ่งขนำร้างข้าง ๆ 

มีขนำเก่าปลวกกินหมดแล้ว เหลือหลังคาที่ยังใช้งานได้ รอให้ช่างมาดูค่อยตัดสินใจอีกที หากพอซ่อมแซมได้ ข้าพเจ้าคงเริ่มชีวิตใหม่กับขนำลูกเล็ก ๆ ปลูกผัก ปลูกต้นไม้ให้ร่มรื่น เอากิ่งไม้มาผูกเป็นรั้วพอให้ตำลึงไต่ หาแผ่นไม้มาแกะอักษร 'อาศรมธุลีดิน' กลางวันนั่งเขียนหนังสือ ตกเย็นรดน้ำผัก ย่ำค่ำเขียนกลอน จนกว่าวิบากกรรมครั้งหน้าเดินทางมาเยือน

ทุรกรรมครั้งนี้ยังไม่ผ่านพ้น สุดสัปดาห์หน้าจะมิทำท่านต้องกินข้าวไม่ลงอีกแล้วขอรับ 

ป.ล.๒ เป็นอันโฮสต์รื้อกระท่อมเบต้าทิ้งเรียบร้อย ข้าพเจ้าเคย Export ไฟล์เก็บไว้ แต่ไฟล์ใหญ่กว่ากำหนด ลอง Hi Speed ของเพื่อน Import เข้ากระท่อม WP ปรากฏผ่าน แต่ยังหา Comment ไม่เจอ (ปกติ Export-Import ของ WP มาทั้งบทความทั้งคอมเม้นท์) อย่างไรล่ะก็..ท่านลองคลิกดูที่กระท่อม WP นะขอรับ 

1 ความคิดเห็น:

  1. เริ่มงานวันใหม่สวัสดิ์เจ้าค่ะท่านดิลล์ที่เคารพรัก

    ข้าพเจ้าล่ะชื่นชมทั่นจริงๆ ตาเถ้าปลายนานั่งเล่น Face Book แต่อีสาวชาวกรุงอย่างข้าเจ้ากลับไม่รู้ด้วยซ้ำหน้าตามันเป็นยังไง

    พูดถึงเรื่องไร้สาระ ข้าพเจ้าว่านะ ถ้าเรากระทำด้วยความสุขใจ ไม่ว่าเรื่องใดๆ มันก็ไม่ไร้สาระหรอกทั่น สิ่งที่ข้าพเจ้าเศร้าใจมักเป็นเรื่องที่ตั้งใจกระทำ แต่ไม่ได้กระทำต่างหาก มัวแต่หลงไปทำอย่างอื่นจนชีวิตมันกลวงๆ โบ๋ๆ ยังไงไม่รู้

    อย่างที่ว่าน่ะใช่เลยท่าน ค่าชีวิตของเราเขียนหนังสือ ตลอดห้าวันที่ผ่านมาข้าพเจ้าจึงได้รู้สึกว่าตัวเองมีค่ามากมายมหาศาล ก็ข้าพเจ้าเล่นเขียนได้วันละบทวันละบทโดยไม่มีสะดุดเลยนะสิ จะมีก็หน่อยเดียวตรงที่อีแก่คอมพ์มันรวนให้อารมณ์ค้างอยู่ครึ่งค่อนวัน ข้าพเจ้าทำได้เพียงสะบัดตูดไปนอนน้ำลายยืดน้ำลายย้อยอยู่บนเตียง

    แล้วก็ได้พบว่าการเขียนให้ได้ประมาณสิบหน้าในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องยากเย็นนัก แต่มันก็ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยบางอย่างของแต่ละคน

    มีความสุขกับทุกกิจกรรมของชีวิตเจ้าค่ะ

    ป.ล.'อาศรมธุลีดิน' ฟังแล้วสันโดษดีจังเลยทั่น เหมือนเป็นที่อยู่ของฤษีแน่ะ แต่ถ้าฤษีในอาศรมนั่งเล่น Face Book ก็ดูจะเจเนอเรชั่นใหม่ไปหน่อย ^^

    ตอบลบ