๏ ที่ปลายนาเนินร้างข้างกอกก
มีหญ้ารกทอดย่านเป็นลานหญ้า
มะยมโยนริ้วใบอยู่ไปมา
มะพร้าวอ้าแขนกางแล้ววางเงา

๏ ยอดกกล้อลมโชยอยู่เฉื่อยช้า
ร่มระย้าไทรย้อยชวนหงอยเหงา
เย็นลมทุ่งพัดรางมาบางเบา
หอมคละเคล้ากระดังงาจำปาพรรณ

๏ เสียงเขาคูจุ๊กกรูอยู่พร่ำพรอด
กระจิบดอดโดดดุ๊งดูผลุงผลัน
กระยางย่องริมคูอยู่เงียบงัน
กางเขนชันหางชูอวดคู่คลอ

๏ ตาลใบอ่อนชอนหญ้าอ้าใบออก
กระจิบหยอกเย้ายินแล้วบินปร๋อ
ผักบุ้งทอดยอดโยนโคนกกกอ
ตำลึงล้อลมโรยอยู่โชยชาย

๏ จะลงรากปักใจไว้ที่นี่
จะปลูกชีวีใหม่อย่างใจหมาย
ด้วยดินฉ่ำน้ำชุ่มคอยคุ้มกาย
เพาะกล้าไม้นานาพฤษาพันธุ์

๏ ชีวิตง่ายในงามธรรมชาติ
เติมแต้มวาดด้วยสองมือคือใจฝัน
กินอยู่อย่างพอสุขเพียงทุกวัน
หลับตื่นกับเงาจันทร์ตะวันกราย

๏ เช้าฟังเสียงเขาคูจุ๊กกรูร้อง
ร่ายทำนองเรื่อยคำพอย่ำสาย
รอยลิขิตขีดเขียนเวียนเรื่องราย
ร้อยนิยายยาวนานงานชีวิต

๏ จนเย็นย่ำย้อมดวงสุรีย์แสง
เรื่อฟ้าแดงแรงรอนคลายร้อนจิต
รดน้ำผักเพาะพืชพันธุ์วันละนิด
อย่างใจคิดอยู่เย็นให้เป็นจริง

๏ ตกค่ำน้ำค้างโปรยมาโชยชื่น
หอมระรื่นแก้วกรุ่นอุ่นดาวผิง
นั่งนอกชานขนำน้อยค่อยพักอิง
ระบำหิ่งห้อยลอยพลอยราตรี

๑๐๏ ผ่านค่ำคืนสงัดงันเพ็ญจันทร์ผ่อง
มีหรีดร้องเพรียกไพรไร้แสงสี
มีสุขสมถะธรรมนำชีวี
หนอจะมีบ้างไหม..สาวใดแล..ฯ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น