เธอผู้ไม่เคยห่างไกล

สำหรับฉันเจ็บไข้ได้ป่วยเป็นเงาของกาลเวลา ไม่มีเลยความทรงจำช่วงไหนของชีวิตที่จะไร้รอยแทรกของลมหายใจโรยริน เนื้อตัวด้านชา อากาศรอบข้างเป็นคล้ายคนแปลกหน้า ไม่รู้จัก ไม่ต้องการทักทายฉัน สำหรับคนมีโรคประจำตัวอย่างฉัน สิ่งต้องการในชีวิตหาใช่อะไรอื่นเลย เป็นสิ่งที่ผู้คนทั่วไปมีกันอยู่อย่างเหลือล้น มีจนหลายคนลืมไปเสียซ้ำว่ามีอยู่

ฉันต้องการแค่สุขภาพที่ดี ได้หายใจเต็มปอดทุกวัน

ทุกครั้งขณะฉันซมพิษไข้ สิ่งนี้จะคอยย้ำเตือนว่าตำแหน่งหน้าที่การงาน ทรัพย์สินเงินทองไม่สำคัญกับฉันเกินไปกว่าสุขภาพที่ดี

ฉันจะสะสมสุขภาพที่ดีวันต่อวัน ให้เป็นเดือนต่อเดือน หวังไปว่าจะให้เป็นปีต่อปี

เธออาจฟังเป็นเรื่องเหลวไหล ไร้สาระ ทำในสิ่งที่ใคร ๆ มิพักลำบากลำบนเสาะหาก็ได้มา เพราะพวกเขามีอยู่แล้วอย่างเต็มเปี่ยม หลายต่อหลายคนลืมว่าล้มป่วยครั้งสุดท้ายเมื่อไร ขณะฉันเคยกระทั่งไข้ต่อทันทีหลังฟื้นจากป่วยครั้งก่อนไม่ถึงสัปดาห์

สำหรับเอสกิโม คงเป็นเรื่องไร้สาระเต็มทีหากพบว่ามนุษย์ผู้หนึ่งดิ้นรนทั้งชีวิตเพื่อให้ได้พบน้ำแข็งสักก้อน เช่นเดียวกับนกก็คงนึกสมเพชปลาที่พยายามบินเหนือยอดคลื่น

เธอคงเคยเห็นหนังสือการ์ตูนเล่มบาง ๆ เล็ก ๆ ผู้เขียนนั่งหลังขดหลังแข็งทั้งวันเพื่อส่งต้นฉบับให้ทันเวลา แลกรายได้เป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว ให้ลูก ๆ สามคนไปโรงเรียน ไม่มีใครรู้ไม่มีใครสนใจว่าเขามีตัวตน ต่างศิลปินใหญ่ที่ตวัดปลายพู่กันเพียงไม่กี่ทีขายภาพได้หลักพันหลักหมื่น ขายไม่กี่ภาพก็รับเงินแสน ขณะหนังสือการ์ตูนบาง ๆ ขายเล่มละบาท เหมือนชีวิตนักเขียนการ์ตูนผู้นั้นไร้สาระเมื่อเทียบศิลปินใหญ่

หากฉันมีความฝัน

ฉันจะฝันว่าได้สูดหายใจเต็มปอด รับรู้พลังที่ผ่านปลายจมูกเข้าไปตามหลอดลมขยายเยื่อปอดผสานไปในกระแสโลหิตหล่อเลี้ยงเซลล์ร่างกาย ฝันว่าอากาศรอบตัวยิ้มแย้มทักทายด้วยมิตรไมตรี ลืมตาตื่นพบดวงตะวันฉายทุกเช้าและนั่งกินมื้อเย็นในแสงสีอาทิตย์อัสดง

ไม่ใช่นอนซม ครึ่งหลับครึ่งตื่นขยับแขนขาแทบไม่ไหว ครั่นเนื้อครั่นตัวตลอดเวลา กลืนอาหารผ่านลำคออย่างยากเย็น สำหรับคนไม่เคยป่วยไข้ยาวนานจะไม่มีทางรับรู้เลยว่าคืนวันสุขภาพดีน่าโหยหาเพียงไร

ฉันอาจฝันอาจทำในสิ่งไร้สาระ ฉันพยายามตลอดชีวิตก็เพียงเพื่อให้ได้มาสิ่งซึ่งผู้คนมีอยู่แล้ว เมื่อลมหายใจสุดท้ายมาเยือน ชีวิตฉันอาจดูไร้สาระเต็มที

เธอผู้สถิตอยู่ในลมหายใจ นักเขียนการ์ตูนเล่มละบาทใช้รายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ อมรมเลี้ยงดูลูก ๆ จนเติบใหญ่ คนพี่เป็นนักดนตรี คนกลางเรียนทันตแพทย์ ส่วนคนเล็กเอาอย่างพ่อเป็นนักวาดภาพประกอบ นักเขียนการ์ตูนผู้นั้นยังคงนั่งเขียนงานต่อไป

สิ่งฉันกระทำก็แค่สูดลมหายใจทุกครั้งให้เหมือนเป็นลมหายใจสุดท้าย ช้า ๆ สูดให้เต็มปอด ติดตามลมหายใจไปจนทั่วเซลล์ร่างกาย ยิ้มบอกตัวเองว่าเป็นวันที่ดี มั่นว่าเมื่อลมหายใจสุดท้ายมาเยือนฉันยังอยู่กับลมหายใจเช่นนี้ ยังยิ้มบอกตัวเองว่าเป็นวันที่ดี โดยไม่มีเลยสาระหรือไร้สาระมาแผ้วพาน

ค่ำคืนหรีดระงม
ย่ำมีนาฯ 2553


@ จดหมายจากดาวสีน้ำเงิน : เรื่องไร้สาระ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น